นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทสไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. วางกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2559 โดยการเปิดโครงการเที่ยวไทยเท่ เพื่อสร้างบรรยากาศการเดินทางด้วยการใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิด ต่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ เจเนอเรชั่นวาย จำนวน 9 คนจากแวดวงต่างๆ เป็นต้นแบบในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังชุมชนทั่วประเทศ ตั้งเป้าสร้างการรับรู้กว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มเจนวายที่เป็นเป้าหมายหลัก ต้องเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่หลังจบโครงการ เมื่อประเมินผลงานแล้ว กลุ่มนักท่องเที่ยวไทยจะต้องมีความรู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยเพิ่มขึ้นอีก 75%

การใช้กลยุทธ์การนำบุคคลมีชื่อเสียงร่วมทำตลาด (เซเลบริตี้ มาร์เก็ตติ้ง) มาวางตำแหน่งเป็น เท่เซ็ตเตอร์ 9 คนนั้น จะเน้นการนำเสนอมุมมองท่องเที่ยวในเชิงสร้างสรรค์ และก่อให้เกิดการจับจ่ายใน 10 มิติระหว่างการเดินทาง เช่น เครื่องแต่งกาย, กิจกรรมเกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เข้าร่วมเวิร์กช็อปกับชุมชน, การถ่ายภาพ, การกินดื่ม, การเลือกโดยสารยานพาหนะท้องถิ่น เป็นต้น และจะเปิดตัวภาพยนตร์สั้นเที่ยวไทยเท่ฉบับพิเศษ และสกู๊ปเที่ยวไทยเท่ 9 ตอน นำเสนอมุมมองดังกล่าวผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นหลัก

“ตั้งเป้าว่าโครงการนี้กระตุ้นรายได้คุณภาพ เน้นให้เกิดการจับจ่ายในท้องถิ่น โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวที่คนไทยมักจะวางแผนไปต่างประเทศ คาดว่าเมื่อโครงการนี้จะจูงใจให้คนเดินทางในประเทศ ดังนั้นจึงวางเป้าว่าโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล จะต้องมีคนไทยเดินทางเที่ยวเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20%”

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า หลังจากที่ ททท. ส่งเสริมตลาดในด้านอุปสงค์ (ดีมานด์) แล้ว หอการค้าวางโครงการไทยเท่ทั่วไทย เข้ามาสอดรับด้วยการเข้าพัฒนาด้านอุปทาน (ซัพพลาย) ผ่านกลยุทธ์ 2C คือ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และ วัฒนธรรม (Culture) โดยให้หอการค้าทั้ง 76 จังหวัด เข้าไปร่วมกับชุมชนและสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ พัฒนาสินค้าที่โดดเด่นประจำจังหวัดให้ได้ 1 หอการค้า 1 ชุมชน รวมเป็นอย่างน้อย 76 สินค้าทั่วประเทศ วางแผนการเปิดตัวภายในเดือน เม.ย.จากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการดำเนินงานที่มีภาคธุรกิจเอกชนเข้าไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ชุมชน และมีการประกวดในช่วงปลายปีเพื่อเฟ้นหาสินค้าที่มีความโดดเด่นเป็นต้นแบบ สามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดความต้องการจับจ่าย

วางเป้าหมายการทำงานไว้ 3 ระยะได้แก่ เริ่มต้นด้วยการเจาะตลาดในประเทศ จากนั้นขยายกลุ่มเป้าหมายไปที่ตลาดต่างชาติที่มาเที่ยวไทย และสุดท้ายผลักดันสินค้าชุมชนที่ผ่านการพัฒนาไปสู่ตลาดส่งออกยังทั่วโลก ซึ่งโครงการนี้จะมาสอดรับกับแนวคิดหลักของหอการค้าไทยที่เน้นการดูแลส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการใน 2 ด้าน คือ ด้านการค้า (Trade) และด้านบริการ (Service) และจะส่งเสริมให้คำว่า “ไทยเท่” เป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อเนื่องเมื่อพูดถึงการท่องเที่ยว

นายกลินท์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะทำงานสานพลังประชารัฐในสัปดาห์นี้ มีการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ โดยตนได้รับเลือกเป็นประธานกลุ่มการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และวิสาหกิจเริ่มต้น (SMEs & Start-up) หรือ D2 เพิ่มขึ้นอีกตำแหน่ง ทำให้เตรียมบูรณาการการพัฒนาสินค้าชุมชน ช่วยเหลือผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้าไปการทำงานของประชารัฐ ที่จะมีหน่วยงานหลากหลายทั้งด้านการพัฒนาและสร้างเครือข่ายการตลาดเข้ามามีส่วนร่วม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน