นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) เปิดเผยว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ติดกับประเทศมาเลเซีย และเป็นประตูสู่ประเทศอาเซียนอื่นๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น จึงดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายพาสินค้าและผู้ประกอบการจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ตลาดอาเซียน” โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ลงพื้นที่เพื่อพบกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลากุเลาเค็ม ตากใบ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI และเยี่ยมกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ผู้ผลิตผ้าบาติกที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เสื้อ ผ้าพันคอ และผ้าคลุมไหล่ เป็นต้น

รวมทั้งจัดสัมมนาหัวข้อ “เรื่องง่ายๆ ที่ต้องรู้กับการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ” และ “สินค้า 3 จังหวัดชายแดนใต้ ติดปีกสู่ตลาดการค้าเสรี” ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล นราธิวาส ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนใต้ กว่า 100 คน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการหาตลาดให้กับสินค้าท้องถิ่นโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สามารถกระจายสินค้าในพื้นที่ เช่น สินค้าประมงแปรรูป ทุเรียน กล้วยหิน ผลิตภัณฑ์ยางพารา และผ้าบาติก เป็นต้น สู่อาเซียน รวมทั้งให้ข้อมูลเรื่องโอกาสการส่งออกผ่านด่านต่างๆ เช่น ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบในจังหวัดนราธิวาส และด่านเบตงในจังหวัดยะลา และการยกระดับคุณภาพสินค้า เป็นต้น

“ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการนำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ผลิต มาร่วมแสดงในงานสัมมนาด้วย โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาเปิดเวทีวิเคราะห์สินค้า แนะนำตลาดส่งออกให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งกรมมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมสัมมนา ใช้โอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และสร้างเครือข่ายธุรกิจ ซึ่งหลังจากงานครั้งนี้ กรม จะคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาร่วมงานพบปะผู้ซื้อเพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจที่กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและส่งออกสินค้า โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ที่ได้ทลายกำแพงภาษีในตลาดอาเซียนแล้วด้วย” นางอรมน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน