พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเปิดงานการประชุมคอนเฟอร์เรน ออน อาเซียน เอ็มเอสเอ็มอี อิน ดิ ดิจิตอล อีรา ชาเลนท์ แอนด์ ออฟพอทูนิตี้ว่า ไทยประกาศเอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งปีนี้ในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนสามารถผลักดันเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ โดยสามารถประสานความร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากดิจิตอลอย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยไปสู่ตลาดในอาเซียน มีการใช้ระบบพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนให้เข้าถึงข้อมูลและตลาด

“อาเซียนต้องพยายามสนับสนุนให้วิสาหกิจรายย่อยจดทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบและลดขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าเทียมกัน ภาครัฐควรส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่วิสาหกิจรายย่อยในการเข้าถึงแหล่งเงิน ส่งเสริมให้บุคคลและวิสาหกิจรายย่อยเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์มากขึ้น และใช้เครื่องมือที่เป็นนวัตกรรม ให้เกิดการเข้าถึงบริการในการพัฒนาธุรกิจของตลาดโลกที่มีความซับซ้อนขึ้น รู้จักใช้ประโยชน์จากศูนย์เทคโนโลยีประยุกต์ ริเริ่มเครือข่ายชุมชนเทคโนโลยีหรือแรงจูงใจในการถ่ายโอนความรู้

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายย่อย เสียเปรียบผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือไม่ตรงจุด สสว. จึงจัดทำแผนช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มรายย่อย รายเล็ก และรายกลาง ที่มีความต้องการที่แตกต่างกันตามนโยบายส่งเสริมไมโครเอสเอ็มอีของรัฐบาล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี มีการจ้างงานต่ำกว่า 5 คน

เบื้องต้นมีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยได้เต็มที่ ตั้งเป้าหมายสามารถเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อย 2.3 ล้านราย ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาทต่อปี ภายใน 3 ปี หรือช่วยให้มีรายได้เพิ่มเฉลี่ยปีละ 3 แสนบาท หรือเดือนละ 25,000 บาท

“เป้าหมายดังกล่าวสามารถทำได้ผ่านโครงการต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจรายย่อย ซึ่งหากทำได้ตามเป้าหมาย ในอีก 3 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีรายได้เข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านล้านบาท”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน