‘บางกอกแอร์เวย์ส’ลุยเวียดนาม สยายปีกเส้นทางบินสู่‘CLMV’

‘บางกอกแอร์เวย์ส’ลุยเวียดนาม – สยายปีกเพิ่มเส้นทางการบินเข้าสู่กลุ่ม ‘CLMV’ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ ‘บางกอกแอร์เวย์ส’ สายการบินชื่อดังของคนไทย ภายใต้การดูแลของ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่

จึงเมื่อมีแผนแถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบางกอกแอร์เวย์สในครึ่งปีหลังของปี 2562 จึงถือโอกาสพาสื่อมวลชนเดินทางไปยัง ‘ญาจาง’ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมืองตากอากาศชายทะเลที่บางกอกแอร์เวย์ส เพิ่งเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ระหว่าง กรุงเทพฯ–คัมรัน (เวียดนาม) ซี่งเป็นประตูสู่ญาจาง

“หลังจากปลายปี 2561 บริษัทมองว่าเส้นทางที่อยู่รอบบ้านในกลุ่ม CLMV มีความน่าสนใจ ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2562 ที่ผ่านมาเปิดเส้นทางบินที่เชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ–คัมรัน (เวียดนาม) ให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยว จันทร์–พุธ–ศุกร์–อาทิตย์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A319 ขนาด 144 ที่นั่ง”

นายพุฒิพงศ์กล่าว และว่านอกจากนี้ยังมีเส้นทางเชียงใหม่–หลวงพระบาง (ลาว) ประเดิมให้บริการสัปดาห์ละ 3 เที่ยว คือ อังคาร–พฤหัสฯ–เสาร์ ด้วยเครื่องบิน ATR 72-600 ขนาด 70 ที่นั่ง อีกหนึ่งเส้นทางคือ เชียงใหม่–กระบี่ บินทุกวันแต่เป็นเส้นทางที่บินลงอย่างเดียว

จากประสบการณ์ที่บริษัททำการบินที่ผ่านมา เช่น เชียงใหม่–สมุย เชียงใหม่–ภูเก็ต ส่วนใหญ่จะเที่ยวภูเขาก่อนและมาจบที่ทะเลก่อนเดินทางกลับบ้าน

นายพุฒิพงศ์กล่าวถึงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 13,865.7 ล้านบาท เป็นรายได้ในส่วนของธุรกิจสายการบิน 10,106 ล้านบาท ผู้โดยสารทั้งสิ้น 3.02 ล้านคน อัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ซึ่งใกล้เคียงกับที่บริษัทประมาณการไว้ตั้งแต่ต้นปี

ส่วนธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องใน 3 กลุ่มหลัก เริ่มจากบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด ครึ่งปีแรกมีลูกค้ารวม 18 สายการบิน ทั้งที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ครัวการบินกรุงเทพ สมุย, ครัวการบินกรุงเทพ ภูเก็ต และล่าสุดได้เพิ่มอีกแห่ง ครัวการบินกรุงเทพ เชียงใหม่

นอกจากนี้ ยังร่วมกับ บริษัท กูร์เมท์พรีโม่ จำกัด ในนามครัวการบินดอนเมือง จัดส่งอาหารและเครื่องดื่มให้แก่อากาศยานที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เริ่มให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

ส่วนของธุรกิจบริการภาคพื้น ภายใต้บริษัท การบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด ปัจจุบันมีลูกค้า 82 สายการบิน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 60% และสำหรับบริษัทดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการคลังสินค้าที่สนามบิน ปัจจุบันได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 5 ราย รวมเป็น 72 สายการบิน ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 48%

ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2562 จะพยายามรักษาเครือข่ายเส้นทางบินที่มีอยู่ ซึ่งในปีนี้แนวทางการเดินทางของผู้โดยสารเปลี่ยนไปจากที่บริษัทคาดการณ์ ไว้เมื่อต้นปี การตอบสนองหรือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยโดยสารการบินต่างๆ

ทำให้บริษัทมองว่าเส้นทางบินที่น่าจะมีความเป็นไปได้ในการเติบโต เป็นเส้นทางบินที่อยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV

ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของ ผู้โดยสารและสายการบินพันธมิตร บริษัทจึงเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางบินยอดนิยม และปรับลดเที่ยวบินให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร อาทิ เส้นทาง กรุงเทพฯ–เกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) เพิ่มจาก 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในช่วงตารางบินฤดูหนาว หรือในไตรมาส 4 ปีนี้

ส่วนสายการบินพันธมิตร (โค้ดแชร์) ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 27 สายการบิน โดยเตอร์กิชแอร์ไลน์ เป็นสายการบินล่าสุดที่ลงนามข้อตกลงในการให้บริการเที่ยวบินร่วม เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ในครึ่งปีหลัง บริษัทจะมีการลงนามข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินเพิ่มเติมอีก 1-2 สายการบิน

ส่วนของเครื่องบินในปัจจุบันบริษัทมีรวมทั้งสิ้น 40 ลำ ล่าสุดปรับระบบการสำรองที่นั่ง มาเป็นระบบ ‘อะมาดิอุส’ รองรับการขายตั๋วผ่านออนไลน์

สำหรับแผนการลงทุนขยายธุรกิจโรงเรียนการบิน ในจ.สุโขทัย ภายใต้ บริษัท บางกอกแอร์ เอวิเอชั่น เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด คาดว่าจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนได้ต้นปี 2563 รองรับไม่เฉพาะคนไทย แต่รวมถึงต่างชาติที่ต้องการเป็นนักบินอาชีพ

ขณะเดียวกัน แผนลงทุนโครงการเมืองการบิน (อีอีซี) ซึ่งบริษัทร่วมยื่นซองประมูลในนามกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส โดยบริษัทถือหุ้น 45% บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิงส์ ถือหุ้น 35% และบมจ.ซิโน–ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ถือหุ้น 20% จะรู้ผลการพิจารณาในเดือนพ.ย.ปีนี้

แผนการตลาดการที่บริษัทจะขายสำหรับครึ่งปีหลัง ปรับเปลี่ยนแนวทางในภาวะที่การแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในอุตสาหกรรมการบิน โดยบริษัทจะเข้าไปถึงตัวผู้ซื้อให้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสขาย ได้มากขึ้น โดยเน้นการทำการตลาดและการขายเชิงรุกในตลาดดิจิตอล

ยังคงเน้นการขายในตลาดกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมยกระดับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอินโดจีน จัดแคมเปญ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างไทยและประเทศในกลุ่ม CLMV มากขึ้น

สำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย บริษัทจะมีการออกโปรโมชั่น บัตรโดยสารในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขายล่วงหน้ามากขึ้น รวมถึงการร่วมแคมเปญโปรโมชั่นกับพันธมิตรต่างๆ ด้วย

นายพุฒิพงศ์ยังมองอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกรวมถึงไทยในปีนี้ว่า จะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลมาจากหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง จีน–สหรัฐ โดยเฉพาะการแข็งค่าของเงินบาทมีส่วนทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกเที่ยวประเทศอื่นแทน

บริษัทปรับลดประมาณการจำนวนผู้โดยสารปีนี้ลงจากต้นปีที่คาดว่าจะมี 6.1 ล้านคน เหลือ 5.8 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าปี 2561ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวม 5.9 ล้านคน

นอกจากนี้ราคาขายตั๋วเครื่องบินของบางกอกแอร์เวย์สช่วงครึ่งปีแรกเฉลี่ยลดลง 3% มาอยู่ที่ 3,355 บาท เป็นผลจากแข่งกันขายตั๋วเครื่องบินราคาถูก คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์นี้จะยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้รวมของบริษัทปีนี้ลดลงไม่เกิน 5%

บริษัทก็ยังมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเข้ามาสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทโดยภาพรวมดีขึ้น

วิภา สุนันท์สถาพร