ทอท.พาสำรวจสนามบิน‘ดานัง’
ไขรหัสความสำเร็จ-ระวัง‘แซง’ไทย
ทอท.พาสำรวจสนามบิน‘ดานัง’ ไขรหัสความสำเร็จ-ระวัง‘แซง’ไทย – ปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวเป็นคลังรายได้หลักหนึ่งเดียวของประเทศไทย หลังจากรายได้จากการค้าการส่งออกทรุดตัวอย่างหนัก จากภาวะสงครามการค้าของมหาอำนาจจีนและสหรัฐอเมริกา แต่จะชะล่าใจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
เพราะคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างเวียดนามกำลังรุกหนักมากในการโปรโมตการท่องเที่ยว ที่สำคัญเริ่มแบ่งแชร์นักท่องเที่ยวต่างชาติไปจากไทยได้บ้างแล้ว
รวมทั้งคนไทยก็เริ่มหันไปท่องเที่ยวเวียดนามมากขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตนักท่องเที่ยวเวียดนามขยายตัวมากถึงปีละ 25% ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้, จีน และไทย
ร.ท.สัมพันธ์ ขุทรานนท์
ในช่วง 8 เดือนปีนี้ มียอดนักท่องเที่ยวราว 18 ล้านคน
เห็นได้จากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานหลักๆ ของเวียดนามที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้เอง ร.ท.สัมพันธ์ ขุทรานนท์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จึงนำคณะสื่อมวลชนจากไทยเดินทางไปสำรวจสถานการณ์การให้บริการผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ในฐานะที่เป็นสนามบินพี่น้อง (Sister Airport Agreement : SAA) กับสนามบินของ ทอท.
จึงได้รู้ว่าเวียดนามหายใจรดต้นคอไทยตามมาติดๆ เป็นคู่แข่งที่ น่ากลัวมาก
ภายหลังรับฟังการบรรยายจากทางสนามบินดานังทำให้รู้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเวียดนามเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็นตัวเลข 2 หลัก
ในช่วง 8 เดือน ปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 18 ล้านคน เฉพาะที่ดานังมีจำนวน 8.6 ล้านคนเป็นคนไทยประมาณ 2 แสนคน และมีเที่ยวบินจากไทยวันละ 11 เที่ยวบิน
ทําให้รัฐบาลเวียดนามต้องเร่งปรับปรุงและขยายสนามบินดานัง ให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทันเวลานโยบายการพัฒนาขยายสนามบินของเวียดนามสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มีความน่าสนใจและแตกต่างจากไทยพอสมควร เพราะเป็นการวางแผนพัฒนาในระยะยาว ไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาแออัดแล้วค่อยขยายเหมือนกับไทย
ที่สำคัญจัดการแผนการก่อสร้างได้อย่างเป็นระบบ ทำให้การก่อสร้างเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าไทยหลายเท่า
เวียดนามแบ่งการทำงานก่อสร้างเป็นวันละ 3 กะ กะละ 8 ชั่วโมง ก็เท่ากับว่าเป็นการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไม่ผิดกฎหมายเพราะมีการเปลี่ยนกะในการทำงานทุกๆ 8 ชั่วโมง
“รูปการบริหารงานก่อสร้างแบบนี้ถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม ซึ่งไทยจะนำเป็นโมเดลในการก่อสร้างและขยายสนามบินต่อไป เพราะที่ผ่านมาไทยมักประสบปัญหาด้านการก่อสร้างที่ล่าช้าไม่ทันต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ จนเกิดปัญหาแออัด และยังทำให้ไทย เสียประโยชน์จากรายได้เรื่องการเข้ามาใช้บริการสนามบินอีกด้วย” ร.ท.สัมพันธ์ กล่าว
สําหรับสนามบินดานังเป็นสนามบินที่อยู่ทางตอนกลางเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ของประเทศ ถัดจากท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ในโฮจิมินห์ซิตี้ และท่าอากาศยานนานาชาติ โหน่ยบ่ายในกรุงฮานอย
นายพัน คิว ฮุ่ง รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดานังเล่าว่า ปี 2561 สนามบินดานังมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าราว 14.9 ล้านคน รวมจำนวน 8 หมื่นเที่ยวบิน
ส่วนในปี 2562 คาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเติบโตได้ถึง 20 ล้านคน หรือประมาณ 9 หมื่นเที่ยวบิน
ปัจจุบันมีอาคารผู้โดยสารหรือเทอร์มินอล 2 หลัง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ที่ 20-26 ล้านคน ยังไม่ปัญหาแออัด แต่เพื่อให้รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่โตแบบก้าวกระโดด รัฐบาลตัดสินใจที่จะเดินหน้าโครงการก่อสร้างเทอร์มินอลแห่งที่ 3 มูลค่าราว 10,000 ล้านบาท เร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งเป้าจะก่อสร้างในปี 2573
โดยจะจัดงานใหญ่ประกาศเปิดตัวเป็นทางการช่วงหลายปีนี้ คาดว่าเทอร์มินอลแห่งที่ 3 จะเริ่มก่อสร้างในปี 2563 ที่สำคัญเทอร์มินอล 3 ของเวียดนาม จะใช้เวลาก่อสร้างรวดเร็วมากราว 17 เดือน จากแผนงานก่อสร้างที่ทำงานแบบ 24 ชั่วโมง
รัฐบาลยังใช้รูปแบบการลงทุนให้สัมปทานเอกชนในระยะยาว ผ่านบริษัทร่วมทุนที่มีรัฐวิสาหกิจถือหุ้น 51% ร่วมกับบริษัทก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 15-24 ล้านคน
เมื่อรวมเทอร์มินอลทั้ง 3 แห่งจะทำให้สนามบินดานังรองรับ ผู้โดยสารได้มากถึง 50 ล้านคนต่อปี ซึ่งก็เท่ากับดอนเมืองของไทย เลยทีเดียว
การเดินทางเชื่อมต่อสนามบินดานังไปยังจุดท่องเที่ยว ปัจจุบันมีระบบแท็กซี่คล้ายกับไทย และในอนาคต นายพันระบุว่ารัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมจากสนามบินดานังไปยังอีก 2 เมืองหลักคือ ฮอยอัน และเว้ เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
เมื่อหันกลับมาดูสนามบินดอนเมืองของไทย หากแผนการพัฒนาดอนเมืองเฟส 3 วงเงินราว 4 หมื่นล้านบาทของ ทอท.ยังล่าช้า ไม่สามารถขยายสนามบินเพื่อแก้ปัญหาแออัด และไม่สามารถขยายตารางเวลาการทำการบินให้สายการบินต่างๆ ได้ทันเวลา ในช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวรอบๆ บ้านเรากำลังเติบโตสุดขีด
จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้หลายๆ สายการบินอาจย้ายไปใช้ฐานการบินที่เวียดนามแทนไทย โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่กำลังเกิดใหญ่เป็นดอกเห็ด
เพราะเวียดนามมีแผนพัฒนาสนามบินที่ชัดเจน รวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับสายการบินได้มากกว่าไทย และยังมีการรุกหนักส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยว
เห็นได้จากสายการบินของไทยที่แข่งกันเข้าไปเปิดเส้นทางบินไปเวียดนามเป็นจำนวนมาก
ประเทศไทยคงรีรอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
มยุรี นวมมี
