นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังหารือกับนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิตอลมีความจำเป็นมากสำหรับผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ภาคเอกชนต้องเตรียมความพร้อมด้านดิจิตอลให้เร็วที่สุดเพื่อรองรับเทคโนโลยี 5 จีที่คาดว่าจะเริ่มเข้ามานำร่องในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วงปลายปีหน้าและกระจายตัวอย่างรวดเร็ว

โดย ส.อ.ท.และสภาดิจิทัลฯ จะร่วมมือจัดทำฐานข้อมูลในการพัฒนามาร์เก็ตเพลสที่ ส.อ.ท. มีอยู่ เพื่อช่วยผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้านการตลาด ซึ่งหลังจากนี้สภาดิจิทัลฯ จะหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน 3 ฝ่ายต่อยอดกับคณะทำงานช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของสภาดิจิทัลฯ เพื่อยกระดับด้านบุคลากรไอทีและพัฒนาระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในอุตสาหกรรม

ศุภชัย เจียรวนนท์

ด้านนายศุภชัย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค โดยสภาดิจิทัลฯ จะร่วมกับ ส.อ.ท. สนับสนุนให้เกิดการสร้างเศรษฐกิจดิจิตอลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับประเทศไทย โดยภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้านภาษีและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่อุตสาหกรรมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยี 4.0 การเชื่อมโยงสู่ระบบไอโอที สมาร์ตแฟคตอรี่ และการเชื่อมโยงตลาดภายในและต่างประเทศ ซึ่งหลังจากตั้งคณะทำงานแล้วจะศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะว่าต่อภาครัฐต่อไป

สำหรับความคืบหน้าการลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น หากโครงการดังกล่าวมีสัญญาที่เป็นไปตามข้อตกลง ก็พร้อมที่จะลงนาม ขณะที่การลงนามยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมในวันที่ 25 ต.ค.นี้ โดยทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) อย่างไรก็ตาม ด้านโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภายังยืนยันที่จะรักษาสิทธิ์ และเดินหน้าผลักดันโครงการดังกล่าวต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน