ขาเที่ยวรอลุ้น! ‘บิ๊กตู่’ รับเรื่องหอการค้า ทวนกฎ ห้ามดื่มเหล้า 14.00-17.00 น.

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. สภาหอการค้าฯ นำภาคเอกชนท่องเที่ยว ร่วมประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อให้ทบทวนกฎหมายห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในสถานประกอบการ เวลา 14.00-17.00 น. และทบทวนปิดสถานการณ์ประกอบการก่อนเที่ยงคืน ให้ปิดถนนเยาวราชทำเป็นถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์ หามาตรการบีโอไอสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉพาะแอตต้าร้องค่าเงินบาทแข็งเกิน

นายกฯ ร่วมหารือมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย ว่า ได้รับฟังข้อมูลและปัญหาจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการทุกส่วน และให้มีการตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยด้านต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเน้นการทำงานร่วมกับรัฐบาล โดยใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเข้ามาบริหารงาน โดยเรื่องเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปแก้ไขให้เสร็จภายใน 1-2 เดือน ส่วนเรื่องระยะยาวต้องแก้ไขกฎหมายที่มีความล้าสมัย

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“การสร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่น่าเที่ยว ข้อสำคัญคือทุกคนต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก จะช่วยเหลือกันอย่างไร หลายอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยการประชุมขนาดใหญ่ ผมก็คิดมานานแล้ว การจัดมหกรรมดนตรี เอานักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลก ถ้าจัดได้ในสถานที่สำคัญสวยงามของประเทศไทย ก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่ชอบฟังเพลงเหล่านี้มาได้ ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่มีจุดขายใหม่ๆ และรายได้จากท่องเที่ยวตอนนี้มีสัดส่วน 20% จากจีดีพีหากแก้ปัญหาได้จะสร้างรายได้เพิ่มและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากนี้ไปนายกฯ มอบหมายให้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่ประสานประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาหารือทั้งหมด และหนึ่งในนั้นได้เสนอให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในสถานประกอบการ ที่กำหนดไว้เวลา 14.00-17.00 น. เพราะไม่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว

เช่น นักท่องเที่ยวนั่งดื่มอยู่จน 14.00 น. ก็สั่งต่อไม่ได้ ต้องให้รอหลัง 17.00 น. รวมทั้งให้ทบทวนการปิดสถานประกอบการก่อนเที่ยงคืนและหลังเที่ยงคืน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนให้ทบทวนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มจาก 2% เป็น 20% จนสายการบินเดือดร้อน และทบทวนภาษีนิติบุคคลโรงแรม ภาษีไวน์และสินค้าไลฟ์สไตล์ ตลอดจนให้ปิดถนนจัดทำถนนคนเดินหรือวอล์คกิ้ง สตรีทภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า

ส่วนนายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ นายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจ กล่าวว่า ได้นำเสนอให้นายกฯ พิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งจะแตกต่างจากที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความต้องการต่างกัน เช่น สวนสยาม ถ้าหากอยากได้บีโอไอ ต้องไปจดทะเบียนรถไฟเหาะให้เป็นเครื่องจักร และจดบริษัทให้เป็นโรงงาน หรือที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยากให้ไปลงทุนในเมืองรอง ถ้าเป็นการสร้างสวนสนุกจะได้บีโอไอก็ต่อเมื่อลงทุน 500 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งยากต่อการคืนทุน แต่ถ้าหากลงทุนในเมืองรอง 40-50 ล้านบาทถึงจะพอได้ ซึ่งการลงทุนขนาดนั้นก็ไม่ได้บีโอไออีก เป็นต้น

“ส่วนการทำถนนคนเดินจะเริ่มจากปิดถนนเยาวราชเป็นแห่งแรก ซึ่งทางผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จะไปประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหมือนถนนกินซ่าของญี่ปุ่น ที่ปิดถนนทุกเลนในวันอาทิตย์ ให้คนลงมาเดินเที่ยวได้ เพราะทุกวันนี้วันเสาร์-อาทิตย์ คนก็เดินล้นมาบนถนนแล้ว ยิ่งตอนนี้มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีมังกร ไปถึงเยาวราชได้เลย ก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องหาที่จอดรถกันแล้ว จะเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่กับกับประเทศ โดยนายกฯ ย้ำว่าให้ขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ และถนนสายอื่นด้วย”

ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวประเทศไทยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 11 ล้านคน มากกว่าปีก่อนที่มี 10.5 ล้านคน ซึ่งเรื่องของจำนวนไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 15% ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่ารัฐบาลไปควบคุมธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้ เราก็หมดกำลังใจ เพราะทำให้รายได้ของผู้ประกอบการลดลง หากไม่มีทางแก้ไขจะทำให้แข่งขันกับประเทศอื่นลำบาก

ขณะที่นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า ได้เปิดข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีดูในที่ประชุมว่า เรื่องของนวดไทยและสปาไทย ที่คนรู้จักกันในโลกออนไลน์จาก 800 ล้านวิว พบว่าส่วนใหญ่หรือ 80% มองเป็นเรื่องไม่ดีเกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศ และราคานวดแผนไทยอยู่mujชั่วโมงละ 350 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับการนวดอายุรเวดาของอินเดีย ราคาชั่วโมงละ 8,000 บาท

โดยในเดือนธ.ค.นี้ทางองค์การยูเนสโกจะประกาศให้นวดไทยเป็นมรดกวัฒนธรรม​ที่จับต้องไม่ได้​ รัฐบาลไทยต้องถือโอกาสนี้ทำการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของนวดไทยและปั่นกระแสให้คนทั่วโลกรู้จักว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปช่วยดำเนินการในเรื่องนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน