นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมท่าอากาศยาน ครบรอบปีที่ 86 ในวันที่ 27 พ.ย. ว่า ทย. มีแผนพัฒนาสนามบินภูมิภาคระยะ 10 ปี (ปี 2560-69) วงเงิน 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องเร่งรัดให้เป็นไปตามแผน โดยปีงบประมาณ 2563 ทย. ได้รับจัดสรรงบราว 6 พันล้านบาท เพื่อพัฒนา 4 ท่าอากาศยานหลัก เช่น กระบี่ ก่อสร้างทางขับขนาน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 3 กิโลเมตร วงเงิน 1.35 พันล้านบาท , นราธิวาส ก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร (เทอร์มินอล) หลังใหม่ วงเงิน 800 ล้านบาท , บุรีรัมย์ ก่อสร้างเทอร์มินอลหลังใหม่ วงเงิน 775 ล้านบาท และ 4. สุราษฎร์ธานี ปรับปรุงขยายห้องผู้โดยสารขาออก และติดตั้งสะพานเทียบเครื่องบิน พร้อมระบบนำจอด วงเงิน 200 ล้านบาท และโครงการขยายลานจอดเครื่องบิน วงเงิน 500 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่องบผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ให้เร่งเปิดประมูลทันที

สำหรับปี 2563 ได้กำชับให้ทุกสนาบิน จัดสรรพื้นที่ภายในสนามบิน 30% ให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ โดยในเดือนธ.ค.นี้ จะลงนามความร่วมมือกับ การยางแห่งประเทศไทย และกรมม่อนไหม ในการนำสินค้า อาทิ หมอนยางพารา ตุ๊กตายาง และผ้าไหม มาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว ส่วนความคืบหน้าการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เข้ามาบริหารท่าอากาศยาน 3 แห่งของ ทย. ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี, ตาก และบุรีรัมย์ นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนตัวจึงมองว่าควรเปิดประมูลเป็นการทั่วไป

นายวิทวัส ภักดีสันติสกุล รองอธิบดี ทย. กล่าวว่า ปี 2563 ทย. จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ.การเดินอากาศฉบับใหม่ กำหนดให้ ทย. สามารถนำรายได้ต่างๆ อาทิ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจอด และค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ที่เคยส่งให้เป็นรายได้แผ่นดิน ปีละประมาณ 500 ล้านบาท กลับมานำเก็บไว้ในกองทุนหมุนเวียนของ ทย. ได้ ดังนั้นเมื่อรวมกับรายได้ของ ทย. ที่ได้จากค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC) ประมาณปีละ 800 ล้านบาท จะทำให้ทย. มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,300 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ปัจจุบันเงินในกองทุนหมุนเวียนฯ มีอยู่ประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยนำไว้ใช้ดูแลงานบริการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน