นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE ผู้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท้อป) กำลังการผลิตไม่เกิน 11 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้กับธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 2563 ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเป็น 30 เมกะวัตต์ภายในปี 2565 โดยมุ่งเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าที่ให้อัตราการรับซื้อไฟเหมือนกับโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ในอัตราการรับซื้อไฟอยู่ที่ 4.56 บาท/หน่วย

พร้อมกันนั้นบริษัทยังตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 เติบโตที่ 30% จากปีนี้ ภายใต้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า 49% จากปัจจุบันอยู่ที่ 14% ธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน 45% จากปัจจุบันอยู่ที่ 82% และ ธุรกิจผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด 6% จาก 2% ในปัจจุบัน ส่วนรายได้ในปี 2562 ยอมรับว่าไม่ได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโตได้ 50% หลังปริมาณใช้บริการอัดก๊าซธรรมชาติลดลงตามความต้องการในประเทศ

อย่างไรก็ดี รายได้หลักในปี 2563 เนื่องจากจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (ซีโอดี) ของโรงไฟฟ้าชีวมวล แม่กระทิง กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 8 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีเป็นปีแรก หลังจากที่เริ่มซีโอดีตั้งแต่เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ให้รถขนส่งของ บมจ.ปตท. เพื่อขนส่งไปให้กับสถานีบริการ NGV นอกแนวท่อส่งก๊าซ หรือสถานีลูก คาดว่าในปีหน้าปริมาณการให้บริการยังคงจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 500 ตัน/วัน ตามความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการให้บริการลดลงมาอยู่ที่ 502.80 ตัน/วัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 568.73 ตัน/วัน ส่วนธุรกิจผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด คาดว่าจะเริ่มกลับมามีกำไร จากการตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซไบโอมีเทนอัดไว้ที่ 7 ตัน/วัน โดยจะมาจากการขายให้กับโรงงานอุตสาหกรรม 5.5 ตัน/วัน และการขายหน้าปั๊ม 1-1.5 ตัน/วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน