นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ (SSI) ประจำไตรมาส 3/2562 ซึ่งได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการสตาร์ตอัพทั่วประเทศจำนวน 500 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี SSI ประจำไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ระดับ 51.85 สูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ยังมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวม แต่ลดลงจากไตรมาส 2/2562 ที่ระดับ 54.90

ขณะที่ค่าดัชนี SSI ในไตรมาส 3 มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งต่างประเทศและในประเทศ และถูกซ้ำเติมด้วยภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้ง พายุฝนและวิกฤตน้ำท่วม โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคการค้าอยู่ที่ระดับ 45.77 ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 เนื่องจากต้องเผชิญปัจจัยลบจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้งและอุทกภัยในหลายพื้นที่ ส่งผลให้การคมนาคมขนส่ง กิจกรรมทางการค้าและธุรกิจชะลอตัวลง รวมถึงยังได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าและบริการให้สูงขึ้นได้ ในขณะที่ต้นทุนผลิตภัณฑ์/สินค้าที่นำมาจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำไรจากการประกอบการลดลง

สำหรับ ดัชนี SSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพส่วนใหญ่ประเมินว่าภาวะธุรกิจในภาพรวมมีโอกาสดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 65.93 เนื่องจากในไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่มีเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองและมีวันหยุดต่อเนื่องหลายช่วง จะทำให้กิจกรรมทางการค้าและธุรกิจคึกคักขึ้น รวมถึงมีคำสั่งซื้อและยอดสั่งซื้อล่วงหน้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการยังคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่น โครงการชิมช้อปใช้ จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลเชิงบวกชัดเจนในไตรมาสที่ 4 จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาส 4 ในระดับสูง

“เศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศ ครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่ายและลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง รวมถึงการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ล้วนยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนต่อยอดขายสินค้าและบริการของผู้ประกอบการในปี 2562 ซึ่งอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์” นายชาติชาย กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในแต่ละภาคธุรกิจ พบว่า ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม การเกษตรและบริการยังมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวม โดยดัชนี SSI ในภาคการเกษตรอยู่ที่ระดับ 56.92 สูงที่สุดในทุกภาคธุรกิจ เนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายมีการใช้เทคโนโลยีและมีรูปแบบการจัดการฟาร์มอย่างเป็นระบบครบวงจรสามารถรักษามาตรฐานคุณภาพผลผลิตได้แม้สภาพอากาศแปรปรวน รวมถึงบางรายมีการประกันราคากับบริษัทคู่สัญญา

ขณะที่ดัชนีภาคบริการอยู่ที่ 53.57 และและภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 50.17 แต่พบว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการภาคการค้าต่อสถานการณ์ทางธุรกิจลดลง มาอยู่ที่ 45.77 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ธนาคารมีการจัดทำดัชนีนี้ขึ้นมา โดยผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ ในทุกภาคธุรกิจยังคงมีข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจจากภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังและลดการจับจ่ายที่ไม่จำเป็นลง ปัญหาภัยธรรมชาติที่ทำให้ผลผลิตการเกษตรและราคาวัตถุดิบมีความไม่แน่นอนสูง การแข่งขันทางธุรกิจจากคู่แข่งขันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีฝีมือ เช่น โปรแกรมเมอร์ และขาดเงินทุนหมุนเวียน

อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยฯ มองว่ายังมีประเด็นที่ต้องติดตามคือปัจจัยทางด้านต้นทุนของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการสตาร์ตอัพยังคงต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนในด้านเงินทุน ทั้งระยะยาว และระยะสั้นโดยมีเงื่อนไขการกู้ยืมที่ยืดหยุ่น ช่วยสนับสนุนด้านการตลาด การจับคู่ทางธุรกิจ ช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าทางสื่อต่างๆ และการออกบูธแสดงสินค้าที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง รวมทั้งการอบรมเพิ่มความรู้ด้านการค้าในยุคดิจิทัล ความรู้ด้านการลงทุน การขยายธุรกิจ การส่งออก ภาษี ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน