สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรชี้บาทแข็งฉุดราคาสินค้าข้าว-ยางร่วงเฉียด 7% – แต่นำเข้าปุ๋ย-เครื่องจักรถูกลง ลุ้นสงครามสหรัฐ-อิหร่านสั่งสินค้าตุน

บาทแข็งฉุดราคาสินค้าเกษตร – นายระพีภัทร จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2562 เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5% จาก 31.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนม.ค. 2562 เป็น 30.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธ.ค. ส่งผลผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตร โดยสินค้านำเข้ามาราคาถูกลง อาทิ ปุ๋ยเคมี สารกําจัดวัชพืช และศัตรูพืช และรวมถึงน้ำมันดิบที่นําเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงต้นทุนการนําเข้าสินค้าเกษตร สําหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรม เช่น เมล็ดถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และข้าวสาลีและรวมถึงค่าขนส่งทางเรือ หรือค่า Freight มีราคาถูกลงในรูปของเงินบาท จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลทางการเกษตร

แต่หากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในปี 2563 ที่ประมาณ 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาและรายได้จากการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร โดยคาดว่าหากค่าเงินบาทแข็งค่าเป็น 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยลดลง 6.57% และทําการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการเกษตรไทย (จีดีพีภาคเกษตร) ที่ สศก. ประมาณการณ์ไว้ทั้งปี 2563 ที่อัตรา 2-3%

เนื่องจากขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยก็จะลดลง เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ราคาสินค้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือ ราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศลดต่ำลง เพราะสินค้าเกษตรไทยหลายตัว โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่พึ่งพาการส่งออกและราคาขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศ เช่น ข้าว และยางพารา

นอกจากนี้ สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน จะส่งผลให้กลุ่มประเทศที่มีความขัดแย้ง อาจมีโอกาสเพิ่มการสั่งซื้อสินค้าเกษตรและอาหารที่จําเป็นต่อการอุปโภคและบริโภคในสถานการณ์ฉุกเฉิน (เพื่อกักตุน) เช่น กลุ่มสินค้าข้าว อาหารแห้งและอาหาร สําเร็จรูป อาหารกระป๋อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้รับการรับรองฮาลาล โดย ปี 2562 ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตร ไปกลุ่มประเทศ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาร์เรน มูลค่า 18,209 ล้านบาท สินค้าส่งออกสําคัญได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป 7,110 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ 1,757 ล้านบาท ข้าว 1,679 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารอื่นๆ 1,579 ล้านบาท ปลาและสัตว์น้ำ 791 ล้านบาท

ส่วนราคาน้ำมันดิบแม้ไทยจะได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า แต่หากเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกา กับอิหร่าน ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้น (Oil Shock) แต่จะส่งผลดีต่อราคาสินค้าเกษตรสําคัญ เช่น ยางพารา เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์และความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นเพื่อทดแทนยางสังเคราะห์ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ขณะที่พืชกลุ่มพลังงานทดแทน เช่น ปาล์ม น้ำมัน (ไบโอดีเซล) มันสําปะหลัง และอ้อยโรงงาน (เอทานอล) ราคาปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้พลังงานทดแทนในภาคการขนส่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน