สงครามการค้าพ่นพิษ – เงินบาทแข็งค่า ส่งออกปี’62 ติดลบ 2.65% พาณิชย์ลุยตลาดต่อเนื่อง หวังปั้นตัวเลขส่งออกเป็นบวก ห่วงสินค้าเกษตรไม่พอขาย บาทแข็งยังตามหลอน

ส่งออกปี’62 ติดลบ 2.65% – น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค. 2562 มีมูลค่า 19,154 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวลดต่อเนื่อง 1.28% ส่งผลให้การส่งออกปี 2562 ยังหดตัว 2.65% มีมูลค่า 246,244 ล้านเหรียญสหรัฐ แรงกดดันตลอดทั้งปียังคงเป็นสงครามทางการค้า ซึ่งกระทบต่อซัพพลายเชนการผลิตในอุตสาหกรรมสำคัญของไทยโดยเฉพาะรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมัน และทองคำที่มีความผันผวน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการส่งออกของไทยจะติดลบ แต่ประเทศอื่นทั้งจีนและไต้หวันก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยเฉพาะอินโดนีเซียติดลบ 6.9% และเกาหลีใต้ติดลบ 10.3% จึงมองว่าไทยสามารถปรับตัวได้ดีเริ่มมีสินค้ากลุ่มใหม่ส่งออกได้ดีมากกว่า 20 รายการ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ ผักสด ผลไม้สด และแช่งแข็ง ไก่สดแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป และสินค้ากลุ่มไลฟสไตล์ รวมทั้งการส่งออกเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์กลับมาขยายตัวในรอบ 16 เดือน สะท้อนว่าผู้ประกอบการปรับตัวได้ดี ขณะเดียวกันไทยยังรักษาส่วนแบ่งตลาดหลักไว้ได้ ทั้งสหรัฐ แคนาดา เบลเยี่ยม บราซิล และไต้หวัน

ทั้งนี้ ถือว่าการส่งออกไทยเริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่องปี 2563 เพราะมีปัจจัยบวกจากการลงนามข้อตกลงการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐและจีน และความชัดเจนจากการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักร หรือเบร็กซิต จะช่วยให้บรรยากาศการค้าดีขึ้น และการบริโภคของโลกที่ยังมีความจำเป็นจะเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงกิจกรรมของรองนายกและรมว.พาณิชย์ มีแผนบุกตลาดเป้าหมาย 18 ประเทศ จึงมั่นใจว่าการส่งออกปีนี้ขยายตัวเป็นบวกได้ ซึ่งอยากให้รัฐบาลผลักดันการส่งออกควบคู่กับการลงทุนมาตั้งฐานการผลิตสินค้าในไทยที่จะเป็นโอกาสในการส่งออกเพิ่มเติม

“สินค้าที่มีแนวโน้มจะขยายตัวในปีนี้ ได้แก่สินค้าเกษตร เช่น ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์ และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ค่อนข้างกังวลในส่วนของสินค้าเกษตรเพราะลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะข้าวเพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่มันสำปะหลังก็มีผลผลิตในประเทศลดลง ไม่พอส่งออก”น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอการทบทวนเป้าหมายการส่งออกอีกครั้งร่วมกับทูตพาณิชย์ในช่วงเดือนก.พ. นี้ แต่หากต้องการให้ส่งออกขยายตัว 3% จะต้องมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 21,278 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหากต้องการให้ขยายตัว 2.5% จะต้องมีมูลค่าการส่งออกเดือนละ 21,175 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหากต้องการขยายตัว 1.5% จะต้องมีมูลค่าการส่งออกเดือนละ 20,968 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาท 30-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่การนำเข้าเดือนธ.ค. 2562 มีมูลค่า 18,558 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.54% ซึ่งไทย ยังเกินดุลการค้า 596 ล้านเหรียญสหรัฐ และตลอดปี 2562 มีการนำเข้ารวม 236,639 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยยังเกินดุลการค้า 9,604 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน