นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมผลักดันน้ำมันเบนซินอี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานภายในไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2563) โดยใช้เอทานอลจากมันสำปะหลังและน้ำตาลทรายจากอ้อย เป็นส่วนผสม 20% ซึ่งมั่นใจว่าเมื่ออี 20 มีปริมาณการใช้สูงขึ้น จะส่งผลต่อราคาเอทานอลขยับตาม ช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังและอ้อยแน่นอน ต่อเนื่องหลังจากน้ำมันดีเซลบี 10 ที่ประกาศเป็นน้ำมันพื้นฐานแล้วมีผลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันราคาปาล์มดิบปรับตัวขึ้นสูงถึง 8 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.)
“คอยดูนะภายในปีนี้ผมจะเสกราคามันสำปะหลังให้ดู เพราะถ้าเอทานอลราคาสูงจะดันราคามันสำปะหลังให้สูงขึ้น ตั้งเป้าหมายจะเลิกใช้งบประมาณรัฐเข้าสนับสนุน ส่วนราคาอ้อยแม้มีกลไกกำหนดราคาอยู่แล้ว แต่ผมจะสนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนในพื้นที่ปลูกอ้อย และให้โรงไฟฟ้ารับซื้อใบอ้อยหรือชานอ้อยในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น และยังลดการเผาอ้อยที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5)”นายสนธิรัตน์กล่าว
น.ส.นวลจันทร์ เตชะเสริมสุขกูล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ พพ. ลงพื้นที่เยี่ยมชมและศึกษาเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานที่โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสังกรีน (ทีเอสจี) ของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กำลังผลิต 9.5 เมกะวัตต์ ได้รับรางวัลด้านพลังงาน อาทิ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ของเวทีอาเซียน เอ็นเนอร์ยี่ อวอร์ด 2019 เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นแบบที่ใช้วัสดุทางการเกษตรแบบผสมหลายชนิดเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า อาทิ ไม้ยางพารา ทะลายปาล์ม แก้ปัญหาเชื้อเพลิงขาดแคลน เงินลงทุน 800 ล้านบาท การออกแบบโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ติดตั้งระบบเครื่องดักจับไฟฟ้าสถิติเพื่อดักจับฝุ่นจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในระบบการผลิต ไม่ให้ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชนโดยรอบ ทำให้โรงไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วรภูมิภาค (กฟภ.) 9.2 เมกะวัตต์ คิดเป็น 77 ล้านหน่วยต่อปี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซต์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการขายวัสดุทางการเกษตร สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนปีละ 100 ล้านบาท สร้างงานในพื้นที่ 93% ทำให้เศรษฐกิจชุมชนมีความเข้มแข็งและเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้า แก้ปัญหาไฟตก ไฟดับ สอดรับกับนโยบายกระทรวงพลังงาน”น.ส.นวลจันทร์กล่าว
นอกจากนี้ พพ. พร้อมส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนและท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูง และโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในพื้นมีกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการได้ ต้องพึ่งพาการจัดส่งไฟฟ้าจากส่วนกลางผ่านระบบสายส่ง