พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ประธานคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการศึกษาด้านโลจิสติกส์ ในคณะกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเวทีสัมมนาภายใต้เรื่อง “Eastern Economic Corridor and SEZs: The new investment opportunity in Thailand” เพื่อระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกว่า 300 คน เพื่อนำไปพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทย รองรับกับการพัฒนาพื้นที่พัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และเชื่อมโยงกับภูมิภาคให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันในการนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการคมนาคมต่อไป

โดยการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่มีเป้าหมายอีอีซีพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการลงทุน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคตของรัฐบาล

“ดังนั้นการศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของคณะอนุกรรมาธิการฯ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ของไทยในภาพรวม และเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการศึกษาแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับโลจิสติกส์ รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ ให้มีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ฉะนั้นการระดมสมองในครั้งนี้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การพัฒนายกระดับ โลจิสติกส์ให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกทั้งระบบได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการพัฒนาในส่วนนี้ ถือเป็นการสร้างจุดแข็งที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศได้อย่างแท้จริง”พล.อ.วรพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากการศึกษาแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่อีอีซีให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จะเป็นผลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการขนส่งทางชายฝั่งทะเลภูมิภาคอาเซียน เพราะไทยมีจุดแข็งในเรื่องของการส่งออกมีสินค้าวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพสูง และ มีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระบบถนน ระบบราง และท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ท่าเรืออุตสาหกรรมแหลมฉบัง ที่มีศักยภาพเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ อาทิ ท่าเรือน้ำลึกทวายของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ท่าเรือสีหนุวิลล์ของราชอาณาจักรกัมพูชา และท่าเรือวังเตาของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน