นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับตัวแทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น (MLIT) ว่า MLIT ได้มานำเสนอผลการศึกษาโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดจากถนนนราธิวาส-สำโรง เพื่อแก้ไขปัญหารถติดในเขตกรุเทพฯ และปริมณฑล โดยในเดือนมี.ค.นี้ ญี่ปุ่นจะส่งรายงานผลการศึกษาขั้นสุดท้ายซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างและงบประมาณมาให้ไทยพิจารณา ซึ่งหากทำได้ก็ถือว่ามีประโยชน์มาก เนื่องจากจะมีบางส่วนที่เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครด้วย นอกจากนี้ ยังฝากให้ช่วยดูมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรระหว่างการก่อสร้างด้วย รวมทั้งให้ สนข.ไปพิจารณาให้รอบคอบว่าการก่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าวจะไม่ไปคาบเกี่ยวกับโครงการของเอกชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีพิพาทกะบเอกชน

“สำหรับแนวเส้นทางอุโมงค์ทางลอดจะมีระยะทางรวม 8.7 กิโลเมตร เริ่มจากถนนนราธิวาส ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา โดยลอดใต้ต.บางกระเจ้าไปสิ้นสุดที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนา เบื้องต้นญี่ปุ่นเสนอมา 2 รูปแบบคือ ทางอุโมงค์ใต้ดินที่มีทางด่วน 2 ชั้น และอุโมงค์ใต้ดินที่มีทางด่วน 1 ชั้น ซึ่งเราต้องรอดูผลการศึกษาขั้นสุดท้ายก่อน”

นายชยธรรม์ พรหมศร ผอ.สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรหรือ สนข. กล่าวว่า สำหรับอุโมงค์ทางลอดดังกล่าวนั้นจะเป็นลักษณะของทางด่วนใต้ดินเส้นทางแรกของไทย จะเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนผู้ใช้ทางที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ซึ่งจะต้องมีการจัดเก็บค่าผ่านทาง คาดว่า กระทรวงคมนาคม จะนำเสนอโครงการดังกล่าวให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาอนุมัติได้ในช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ เบื้องต้นมีแนวโน้มอาจจะให้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการเนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงมากเอกชนอาจจะไม่สนใจลงทุน รวมทั้งยังมีเส้นทางที่เชื่อมต่อกับทางด่วน ของ กทพ. ด้วย สำหรับรูปแบบของทางด่วนนนั้นมีแนวโน้มอาจจะใช้รูปแบบทางด่วนชั้นเดียวแบบ 4 เลน ไปกลับฝั่งละ 2 เลน เนื่องจากมีวงเงินลงทุนที่น้อยกว่าทางด่วน 2 ชั้นที่จะใช้เงินลงทุนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม หากมีการก่อสร้างอุโมงค์ทางด่วนใต้ดินเส้นนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่น บริเวณสาทร สีลม บางรัก พระราม 4 ได้มาก เป็นต้น เพราะสามารถระบายรถจากกทม. ออกไปยังสมุทรปราการได้เร็ว และยังสามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปยังทางด่วนบางนานได้อีกด้วย

รายงานข่าวจากสนข. งบประมาณในการก่อสร้างนั้นอยู่ระหว่างการประเมิน ซึ่งจากการสำรวจงานก่อสร้างถนนใต้ดินพบว่ามีต้นทุนก่อสร้างสูง เฉลี่ยระหว่าง ก.ม. ละ 2,000-10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับราคาที่ดินของแต่ละพื้นที่ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน