นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย หรืออสังหาริมทรัพย์ปี 2563 มีแนวโน้มน่าจะกระเตื้องดีขึ้นจากปี 2562 จะเห็นได้จากในช่วงต้นปีทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการผ่อนปรนเกณฑ์มาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) มาเสริมกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาลที่ออกมาในปี 2562 จะทำให้เชื่อว่าภาพรวมอสังหาฯ ทั้งปีนี้กระเตื้องดีขึ้นแน่นอน

โดยในปี 2562 มี 3 มาตรการที่รัฐบาลได้ออกมา ประกอบด้วย มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้จากการซื้อบ้านและห้องชุด (บ้านหลังแรก) ไม่เกิน 2 แสนบาท มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและลดค่าจดทะเบียนการจดจำนองอสังหาฯเหลือประเภทละ 0.01% สำหรับบ้านจัดสรร และห้องชุดไม่เกิน 1 ล้านบาท และมาตรการดค่าลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและลดค่าจดทะเบียนการโอนและลดค่าจดทะเบียนการจดจำนองอสังหาฯเหลือประเภทละ 0.01% สำหรับบ้านจัดสรร และห้องชุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่ได้ออกมาให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เห็นจากยอดมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 สามารถปรับตัวจากการขยายตัวติดลบ 8.4% ในปี 2561 มาเป็นบวก 2.7%

“สำหรับแนวทางของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ในปี 2563 นี้ ได้เตรียมยกระดับเป็นศูนย์อสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ โดยมุ่งเน้นต้องมีบิ๊กดาต้าทั้งระบบของประเทศ เพื่อรวบรวมเป็นฐานและแหล่งข้อมูลเดียวกัน เพื่อนำมาวิเคราะห์ ประเมินในทำเลแต่ละพื้นที่ให้กับผู้ประกอบการได้นำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เป็นการดูแลคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการ ไม่ใช่มีบทบาทแต่เป็นแหล่งข้อมูลเท่านั้น โดยในปี 2564 จึงจะได้เห็นกรอบการเป็นศูนย์อสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ชัดเจน”

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2563 นี้ ได้ประมาณการจากปัจจัยบวก ทั้งอัตราดอกเบี้ยต่ำและเป็นขาลง มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐบาล การผ่อนปรน LTV ของ ธปท. และปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว การระบาดของไวรัสโคโรนา สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภททั่วประเทศในปีนี้จะติดลบ 0.2% หรือทรงตัว จากปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 372,500 หน่วย ในแง่มูลค่า คาดการณ์จะติดลบ 2.5% มูลค่าประมาณ 853,100 ล้านบาท

แต่อย่างไรก็ดี ถ้าครึ่งปีหลังของปีนี้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นจะทำให้ขยายตัวได้ 7.3% หรือประมาณ 400,660 หน่วย ในแง่มูลค่าขยายตัวได้ 4.8% มูลค่าประมาณ 917,100 ล้านบาท จากในปี 2562 มียอดจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่ 373,365 หน่วย ขยายตัวจากปี 2561 ถึง 2.7% และในส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 875,189 ล้านบาท ขยายตัว 4.3%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน