นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2562 จะขยายตัวไม่ถึง 2% ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีประเมินไว้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 2 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบ ไม่เป็นผลเพราะประชาชนไม่ได้มีการใช้จ่ายมากที่ควร

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 จะขยายตัวได้เพียง 0.5-0.8% เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา ภาวะฝุ่น PM2.5 และปัญหาภัยแล้ง ที่จะทำให้เม็ดเงินหายจากระบบประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งกระทบตัวเลขจีดีพี 1-1.5% พร้อมหวังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 จะจบลงภายในเดือนมี.ค.หรือเม.ย. และรัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เข้าสู่ระบบได้ภายในเดือนเม.ย.หรือพ.ค. เพื่อกระตุ้นให้ตัวเลขจีดีพีโตได้ 2%-3% ต่อไตรมาส ซึ่งจะหนุนให้จีดีพีทั้งปี 2563 โตได้ 2.8% ตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนม.ค. 2563 พบว่า อยู่ที่ระดับ 45.4 จุด ปรับตัวลดลง 0.3 จุด จากเดือนธ.ค. 2562 โดยเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2562

โดยกลุ่มที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงมากสุด คือ ภาคการเกษตร ภาคการบริโภค และภาคการค้า จากปัจจัยลบ คือ การส่งออกไทยเดือนธ.ค. 2562 ลดลง 1.28%, ค่า SET Index เดือนม.ค. 2563 ปรับตัวลดลง 65.70 จุด จาก 1,579.84 ณ สิ้นเดือนธ.ค. มาอยู่ที่ 1,514.14 ณ สิ้นเดือนม.ค. 2563, ค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับอ่อนค่า, การเบิกจ่ายงบประจำปี 2563 ที่ล่าช้าส่งผลต่อความเชื่อมั่น

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 การแพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้ง ขณะที่ปัจจัยบวกในเดือนม.ค. ได้แก่ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากประชาชนและภาคชนยังไม่มีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน