นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ทียู เปิดเผยว่า ทียู ตั้งเป้า 5 ปี (2563-67) รายได้เติบโตแตะ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 24,000 ล้านบาท จากปี 2562 มีรายได้รวม 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หากรวมพอร์ตลงทุนในต่างประเทศ คือ บริษัท อะแวนติโฟรเซ่น ฟู้ดส์ จำกัด และ บริษัท เรด ล็อบสเตอร์ ซีฟู้ด ที่จะมีพอร์ตมูลค่ามากกว่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้บริษัทมีรายได้ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ปี 2563 ตั้งงบประมาณในการลงทุนไว้ 5,500 ล้านบาท หรือ 5 ปีประมาณ 27,500 ล้านบาท โดยงบลงทุนดังกล่าวไม่รวมการซื้อกิจการ (M&A) งบประมาณลงทุนจะเน้นในเรื่องลงทุนเครื่องจักร นวัตกรรม ขยายกำลังการผลิต ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่า พัฒนาบุคลากร เพื่อมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ให้ผลมาร์จิ้นสูง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนประกอบโปรตีนสกัดจากพืชและสัตว์ (Marine ingredients) ควบคู่ไปกับการทำการตลาดอาหารกระป๋อง และ อาหารทะเลแช่แข็ง

ทียู ตั้งเป้าปรับสัดส่วนรายได้เป็น 5 ปีข้างหน้าไว้ที่เทียบปี 2562 สหรัฐอยู่ที่ 40% จากสัดส่วนปัจจุบัน 41% ยุโรป สัดส่วน 30% จากปัจจุบัน 28% และเอเชียและอื่นๆ ประมาณ 30% โดยในจำนวนนี้ตลาดไทยเติบโตมาเพิ่มขึ้นเป็น 12% มีสัดส่วนรายได้เพียง 8% ปีนี้เราไม่เน้นเพิ่มยอดขาย แต่เราจะเน้นความสามารถในการทำกำไร โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การลดต้นทุน การขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

“จากนี้จะเน้นการลงทุนในสินค้านวัตกรรม อาทิ โปรตีนสกัดจากพืชและสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง รวมทั้งพัฒนาสินค้าใหม่โดยดึง 23 สตาร์ตอัพจาก 6 ประเทศ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร วางงบลงทุน 30 ล้านเหรียญ ปัจจุบันนำเงินลงทุน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ร่วมกับสตาร์ตอัพ อิสราเอล มาลงทุนประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการเติบโตที่ 15-16% เป็นการไต่ระดับมาจากก่อนหน้าที่อัตราการเติบโตของกำไร อยู่ที่ 14% โดยสตาร์ตอัพเป้าหมายที่ ทียู จะเข้าลงทุนต้องมีอัตราการเติบโตของกำไรประมาณ 20% แต่ในส่วนของ M&A หากมีโอกาสยังจะทำต่อ แต่ไม่ได้โฟกัสมากนัก”

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าการนำบริษัทลูกอย่าง ไทยยูเนี่ยนฟีดมิลล์ (TFM) ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ในขณะนี้บริษัทมีความพร้อม แต่ต้องรอประเมินสถานการณ์ในตลาดหุ้นอีกครั้ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ยอดขายในช่วงเดือนแรกนี้ยังปกติ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบไวรัสโควิด-19 และ ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภาย เบื้องต้นเชื่อว่าระยะสั้นๆ คงกระทบยอดขาย ในประเทศบ้าง เพราะที่ผ่านมาช่องทางการจำหน่ายสินค้าของทียูในประเทศ จะขายผ่านทุกช่องทางที่เป็นช่องทางกระจายไปสู่นักท่องเที่ยว และเติบโตตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน