นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม. ให้ความเห็นชอบให้ขยายโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกของชาวนาออกไป จากเดิมสิ้นเดือนก.พ. เป็น สิ้นเดือนเม.ย. และสิ้นเดือนก.ค. สำหรับข้าวในภาคใต้

โดยการเพิ่มยอดการชดเชยการชะลอขายข้าวจาก 1,000,000 ตันเป็น 1,500,000 ตัน โดยชดเชยให้เกษตรกรที่เก็บสต๊อกข้าว ตันละ 1,500 บาท ส่วนสถาบันการเกษตร หรือสหกรณ์ จะชดเชยให้ตันละ 1,000 บาท และชดเชยให้เกษตรกรที่เก็บข้าวไว้กับสหกรณ์ตันละ 500 บาทด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มวงเงินจากเดิม 10,000 ล้านบาทเป็น 15,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกในตลาดกระเตื้องขึ้นสูงเป็นลำดับ เพราะนอกจากจะเกิดจากมาตรการส่งเสริมให้ชาวนาเก็บสต๊อกข้าวไว้โดยได้รับเงินชดเชยแล้ว ตลาดต่างประเทศก็ยังมีต้องการเพิ่มสูงขึ้น เช่นในตลาดญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเจ้า ที่ความชื้นไม่เกิน 15% ราคาทางการที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสำหรับข้าวนาปรังขึ้นมาอยู่ที่ราคา 9,200-10,500 บาทต่อตัน

ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ อยู่ที่ 14,000-15,300 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมประทุม อยู่ที่ราคา 10,000-10,500 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวอยู่ที่ราคา 15,600-17,500 บาทต่อตัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ตนยังสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เฝ้าติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกษตรกรสามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่ดีที่สุด และขณะเดียวกันก็ต้องติดตามราคาข้าวสารถุงสำหรับบริโภคและตัวเลขการส่งออกข้าวควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สถานการณ์ข้าวของประเทศในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับภัยโควิด-19 อยู่ในขณะนี้เกิดความสมดุลที่สุด

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า แต่หากราคาข้าวชนิดใดชนิดหนึ่งตกต่ำลงมา นโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ก็ยังคงอยู่ และสามารถช่วยชดเชยเงินส่วนต่างของรายได้ให้กับชาวนาต่อได้ สำหรับการโอนจ่ายเงินส่วนต่างของงวดถัดไปคือวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน