นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานก้าวที่ 40 มติชน ก้าวคู่ประเทศไทย 4.0 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องร่วมมือกันสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงิน หรือ ฟินเทค โดยต้องมีหน่วยงานขึ้นมาดูแลฟินเทค และให้กระทรวงการคลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อสนับสนุนและควบคุมความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรมการเงินใหม่

นอกจากนี้ ธปท. จะต้องผ่อนคลายกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ ที่มีความรัดกุมมากเกินไป ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการสนับสนุนฟินเทค หรือ นวัตกรรมการเงินใหม่ๆ และให้ ธปท. ศึกษาความเป็นไปได้ของนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น บิทคอยน์ ว่าไทยควรมีหรือไม่ และมีความเหมาะสมแค่ไหน พิจารณาเรื่องความเสี่ยง ป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวง รวมถึงต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน มีส่วนร่วมเชื่อมโยงกับฟินเทคนี้ด้วย

“ธปท. รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรควรปรับ กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่ได้ ดูความรัดกุม อะไรที่มากไปก็ไม่ดี อะไรน้อยไปก็ไม่ดี และก็ต้องไปดูว่าไทยควรมีบิทคอยน์ หรือไม่ ซึ่งไทยเองก็ไม่กล้าไปเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่เป็นเจ้าพ่อทางการเงิน แต่ไทยก็ต้องผลักดันเป็นศูนย์กลางของ CLMV”นายสมคิด กล่าว

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า การปรับปรุงกฎระเบียบการเงินของ ธปท. เชื่อว่าธปท. จะสามารถดูแลความเหมาะสมได้ และเป็นตัวกลางในการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ส่วนการศึกษา บิทคอยน์ จากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในไทย ก็จะต้องดูถึงข้อดี ข้อเสียของระบบดังกล่าว จากประเทศที่ใช้และไม่ใช้เงินดิจิตอล ก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องศึกษาถึงการควบคุมปริมาณการนำมาใช้ และการป้องกันการหลอกลวงด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหม่ในไทยที่ต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ฟินเทค มีประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ทั้งการทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการให้บริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งดูแลบัญชีที่กระจัดกระจายให้เข้ามาเป็นบัญชีเดียว และสามารถใช้สมาร์ตโฟนเชื่อมโยงข้อมูลการเงินคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการลดการเชื่อมโยงกับนานาชาติ และทำให้ไทยมีข้อมูล Big Data มาใช้ในการบริหารความเสี่ยง และการสร้างนวัตกรรมทางการเงินในอนาคต

นายวิรไท กล่าวว่า ทางธปท. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาบิทคอยน์ เพราะมีหลายมิติ ที่ยังมีความกังวลเรื่องมูลค่าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และเรื่องความเข้าใจของประชาชนต่อตัวบิทคอยน์ ตอนนี้ ธปท. ยังไม่ได้รับรองบิทคอยน์ ให้เป็นสกุลเงินชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย คงต้องตามดูต่อไปอีกระยะถึงพัฒนาการบิทคอยน์ ว่าจะมีประโยชน์มาน้อยแค่ไหน ซึ่งมันก็มีทั้งมุมของพัฒนาและความเสี่ยงอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน