นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีสาระสำคัญกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่ายค่าซื้อ หรือค่าจ้างทำ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาใช้ในการประกอบกิจการจากผู้ประกอบการที่ขายหรือรับจ้างทำหรือให้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีรายจ่ายได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือลังวันที่ 1 ม.ค. 2560- 31 ธ.ค. 2562 รวม 3 รอบปีบัญชี

สำหรับเอสเอ็มอีที่สามารถใช้สิทธิได้นั้น จะต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท โดยโครงการนี้เกิดขึ้นจากที่รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศผ่านนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล ที่จะยกขีดความสามารถแข่งขันของประเทศและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศอย่างจริงจังให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนเศรษฐกิจ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวจึงสมควรมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินงานและบริหารจัดการธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการช่วยรวบรวมข้อมูลรวมถึงรายงานทางการเงินของธุรกิจเป็นไปอย่างมีระบบและทันสมัย เพิ่มความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจ แข่งขันได้ในทางการค้า

สำหรับผลกระทบที่ตามมานั้น กระทรวงการคลังประเมินว่า ในทางบวกจะสามารถจูงใจให้เอสเอ็มอีนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินงานเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจมากขึ้น ทำให้ให้ข้อมูลของผู้ประกอบการเข้าสู่ฐานข้อมูลภาครัฐมาขึ้น ซึ่งรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการกำหนดมาตรการหรือกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านต่างๆ แต่ในทางลบนั้นคาดว่ามาตรการนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี 3 รอบปีบัญชีรวม 2,400 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน