นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ไทยจะเน้นเรื่องการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ซึ่งจัดเป็น 1 ในรายจ่าย 3 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผลการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคชื่นชอบอาหารไทย โดยเฉพาะอาหารทะเล นักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีแนวโน้มชื่นชอบอาหารริมทาง (Street Food) และอาหารท้องถิ่น (Local Food) ในปี 2559 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหาร 329,000 ล้านบาท ขยายตัว 16% มีสัดส่วนเท่ากับ 20% ของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริป สูงเป็นอันดับที่ 3 ในขณะที่ อันดับที่ 1 เป็นค่าที่พัก 29% อันดับที่ 2 ค่าซื้อสินค้า/ของที่ระลึก 24%

นักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงอาหารสูงสุด 5 อันดับแรกมีการเติบดตสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เรียงตามลำดับดังนี้ คือ อันดับ 1. จีน ใช้จ่ายกับค่าอาหารมูลค่า 83,313 ล้านบาท ขยายตัว 19% จากปีก่อน 2. รัสเซีย ใช้จ่ายกับค่าอาหารมูลค่า 20,818 ล้านบาท ขยายตัว 32% จากปีก่อน 3. สหราชอาณาจักร ใช้จ่ายกับค่าอาหารมูลค่า 18,409 ล้านบาท ขยายตัว 10% จากปีก่อน 4. มาเลเซีย ใช้จ่ายกับค่าอาหารมูลค่า 16,106 ล้านบาท ขยายตัว 7 % จากปีก่อน และ 5. สหรัฐ ใช้จ่ายกับค่าอาหารมูลค่า 13,930 ล้านบาท ขยายตัว 18% จากปีก่อน

ทั้งนี้ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุดอันดับต้นๆ เมื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย คงเป็นเรื่องของการกิน เพราะไทยมีชื่อเสียงมากด้านอาหาร ตั้งแต่ อาหารถิ่นในทุกภูมิภาค และมีร้านอาหารดังที่ได้รับรางวัลหลายร้าน ร้านน้ำ ร้านกากั้น และเมนูอาหารดัง เช่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่น เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยว และนักชิมนานาชาติว่าเป็นสวรรค์ของนักกินซึ่งพบว่า สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวมาจากการใช้จ่ายด้านอาหาร 20% ของค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวทั้งหมด

ปัจจัยบวกด้านอาหารไทยนี้จะเป็นตัวทวีคูณที่สำคัญในการเพิ่มอรรถรสและความสุขในการท่องเที่ยวได้ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ การที่เกษตรกรผู้ผลิตจะได้นำเสนอวัตถุดิบ จากทุกท้องถิ่นมาเป็นองค์ประกอบในการปรุงอาหาร จะทำให้เกิดการกระจายรายได้อย่างชัดเจน ตรงไปยังท้องถิ่น เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ เราต้องทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างรายได้ กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ โดยใช้ สินค้าทางการเกษตร – การบริการ ท้องถิ่นของไทย เป็นตัวขับเคลื่อน

สำหรับกิจกรรมเกี่ยวกับอาหารสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวรูปแบบอื่น ได้หลายมิติ อาทิเช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agriculture-tourism) / การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-tourism) เช่น ให้นักท่องเที่ยวได้ปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ การสีข้าว การปลูกแปลงผัก ปลอดสารพิษแล้วนเก็บพืชผัก ผลไม้เหล่านั้นนำมาประกอบอาหาร หรือการนำวัตถุดิบจากโครงการหลวงมาประกอบอาหาร ส่วนด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม (Wellness tourism) เราจะสนับสนุนให้นำผลิตภัณฑ์ เกษตรอินทรีย์มาประกอบอาหารและเครื่องดื่มเชิงสุขภาพ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน