นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างเสนอแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (อีโค อินดัสเทรียล ทาวน์) ปี 2561-64 รองรับการพัฒนา 18 พื้นที่ใน 15 จังหวัดให้เป็นเมืองใหม่เชิงนิเวศ ให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานพิจารณาเร็วๆ นี้ โดยมีพื้นที่บ้านฉางโมเดล อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นำร่อง สอดคล้องโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
นายเดชา พิมพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรอ. กล่าวว่า กรมร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คัดเลือกพื้นที่เทศบาลเมืองบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ในการพัฒนาเมืองใหม่ (โมเดิร์น ซิตี้) คาดว่าคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เตรียมเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอีอีซีพิจารณาได้ปลายเดือนก.ค.นี้
โดยหลักการพัฒนาจะทำเป็นคอมเพล็กซ์บนพื้นที่ 1,400 ไร่ มีการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ โรงพยาบาล ศูนย์การค้า ศูนย์บริการโลจิสติกส์ ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดและมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของตั้งเป็นนิติบุคคล ไม่ใช่การขายสิทธิให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกันก็สามารถรับประชาชน หรือนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกันได้
“ปัจจุบันราคาที่ดินในเทศบาลเมืองบ้านฉางอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อไร่ หากมีโครงการพัฒนาเป็นเมืองใหม่ โดยประชาชนยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 10 ปีราคาที่ดินอาจพุ่งขึ้นไปอีก 10 เท่าตัว เป็น 30 ล้านบาทต่อไร่ เกิดประโยชน์กับประชาชนและทำให้เกิดการยอมรับ ลดกระแสการถูกต่อต้านจากชุมชนได้ ซึ่งล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบกับแผนพัฒนาดังกล่าวแล้ว”นายเดชากล่าว
ทั้งนี้ พื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 15 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปราจีนบุรี ชลบุรี นครปฐม ปทุมธานี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา ของแก่น สงขลา และสุราษฎร์ธานี ซึ่งกรอ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละจังหวัด จะหารือและร่วมกันออกแบบโครงการพัฒนาให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ ตั้งเป้าหมายทำให้เกิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอีกไม่ต่ำกว่า 45 พื้นที่ ใน 15 จังหวัด ภายใน 20 ปี รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต
