นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้สรุปรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศประจำงวดครึ่งปี (1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2560) จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จำนวน 8,302 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,350 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 9,682 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 12,551 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 278 ล้านบาท

เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำงวดครึ่งปี 2559 และ 2560 พบว่า ภาพรวมจำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 3% ผู้เสียชีวิตลดลง 2% บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 14% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 0.2% สาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 72% (5,963 ครั้ง) รองลงมา ได้แก่ การตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 10% (832 ครั้ง) หลับใน 7% (566 ครั้ง) และอุปกรณ์รถบกพร่อง 3% (254 ครั้ง)

สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 65% (5,374 ครั้ง) รองลงมา คือ ทางโค้งปกติ 15% (1,228 ครั้ง) และทางแยกระดับเดียวกัน 7% (609 ครั้ง) อีกทั้ง ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิกอัพบรรทุก 4 ล้อ 29% (3,729 คัน) รถยนต์นั่ง 28% (3,578 คัน) และรถจักรยานยนต์ 18% (2,319 คัน)

หากจำแนกตามภาคของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 22% รองลงมาได้แก่ ภาคใต้ 16% และกรุงเทพฯและปริมณฑล 14% และหากจำแนกตามรายจังหวัดพบว่ากรุงเทพฯ เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 474 ครั้ง จ.นครราชสีมา 342 ครั้ง และ จ.ตาก 285 ครั้ง ตามลำดับ

ทั้งนี้ กรมทางหลวงมีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวง ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร พร้อมทั้งศึกษาเส้นทางที่จะใช้เดินทางเพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ได้ประสิทธิผลต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน