นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ปี 2560 ที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงออกมา มีตัวเลขรายจ่ายการลงทุนของรัฐบาลที่ชะลอลงไปจนติดลบ 7% ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส ทำให้จากนี้ไปรัฐบาลจะต้องหาทางปั๊มรายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นมาใหม่

ส่วนภาพรวมของตัวเลขที่ออกมา พบว่าขยายตัว 3.7% นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัวโดยลำดับแล้ว และอยากให้รักษาโมเมนตัมนี้ไว้ให้ดี เพื่อได้ใช้โอกาสนี้ในการปฏิรูปประเทศต่อไป

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ สศช. ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ขึ้นมาเป็น 3.5-4% นั้น สอดคล้องกับที่รัฐบาลได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะโตได้ในระดับ 3.5-4% และเชื่อว่าทั้งปีนี้จะสามารถเติบโตได้ในระดับนี้ เพราะเครื่องยนต์ขับเคลื่อนดีขึ้นทุกตัวทั้งส่งออกที่เคยหายไป 5 ปีก็กลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ลงทุนเอกชนก็เติบโตขึ้น

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้มาก เป็นผลจากที่รัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทำให้ไทยมีพื้นฐานที่ความเข้มแข็ง จึงส่งผลให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 โตได้ 3.7% แต่ยังต่ำกว่ารัฐบาลคาดหวังไว้ที่ให้เศรษฐกิจโตเต็มศักยภาพอย่างน้อย 4% ซึ่งขณะนี้ใกล้ความเป็นจริง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจยังโตเพิ่มขึ้นได้อีก

นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีนักลงทุนมาขอลงทุนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมลงทุน (บีโอไอ) จำนวนมาก ซึ่งจะมีส่วนสำคัญให้จีดีพีไทยโตได้ถึง 5% คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีในการลงทุนของอีอีซีจะเดินหน้าได้เต็มที่ เพราะว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวได้มาก เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลดีในภาพรวมให้กับประเทศ ทำให้เอกชนเริ่มลงทุนมากขึ้น และจะมีผลตามมาทำให้กระจายรายได้ไปสู่ผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น เหมือนในอดีตที่เศรษฐกิจประเทศไทยเคยโตกว่า 10% ช่วยให้คนจนลดลงไปจำนวนมาก ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยหยุดขยายตัวทำให้คนจนกลับมาเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามการที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวครั้งนี้ ยังไม่ส่งผลต่อผู้มีรายได้น้อยอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่ม เช่น แจกสวัสดิการภาครัฐ มีทั้งค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ ยังมีช่วยเหลือระยะที่สอง คือการเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือผู้มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี โดยรัฐบาลจะเติมเงินให้คนกลุ่มนี้ ตอนนี้อยู่ระหว่าพิจารณารายละเอียด เกี่ยวกับตัวชี้วัด เรื่องความยากจนให้ชัดเจน เบื้องต้นให้ทำบัญชีครัวเรือน โดยแบงก์รัฐได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน คาดว่าภายใน 2-3 ปีจะทำให้แก้ปัญหาความยากจนดีขึ้นมาก

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี ที่ขยายตัว 3.7% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน หรือ 1.3% จากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ ธปท. ประเมินไว้

ในระยะต่อไป คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้า และความต่อเนื่องของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน