นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวในการเป็นประธาน จัดงานแสดงสินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่ม THAIFEX-ANUGA ASIA 2020 ว่า การจัดงานในปีนี้เป็นการจัดงานในรูปแบบผสมผสาน (หรือ Hybrid) เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ตอบรับสถานการณ์การค้าวิถีใหม่ (New Normal) ภายใต้แนวคิด THAIFEX-ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” ซึ่งเป็นการปรับตัวหลังทั่วโลกมีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน กิจกรรมหลายๆ อย่างต้องหยุดชะงักหรือชะลอตัว แต่ด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีทูตพาณิชย์ประจำการอยู่ทั่วโลก 58 แห่ง ทำหน้าที่เซลส์แมน เปรียบเสมือนทัพหน้าที่จะกรุยทางให้ผลผลิตจากเกษตรกร ผลิตภัณฑ์อาหารจากผู้ผลิตก้าวสู่ตลาด ต่างประเทศอย่างมั่นคง สร้างโอกาสในการแข่งขัน จึงเดินหน้าจัดงานดังกล่าวขึ้น แม้ว่าต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ โดยเป็นการผสมผสานการจัดงานระหว่างออฟไลน์ และเทคโนโลยีออนไลน์

การจัดงานครั้งนี้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นตั้งแต่สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรม อาหารและเครื่องดื่มของไทยให้ฟื้นตัวกลับมา พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และเน้นย้ำให้ทั่วโลกได้เห็นถึง ศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยในเรื่องความปลอดภัย และยังสามารถผลิตและส่งออกได้ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการบริโภคในโลก มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าจะได้มูลค่ามากกว่า 6,000 ล้านบาท

“ในส่วนของอุตสาหกรรม อาหารนั้นแม้จะมีเหตุการณ์ที่มีการปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 ในการผลิตและส่งออกอาหารในต่างประเทศ แต่ประเทศไทยสามารถให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคทั่วโลกได้ว่า อาหารไทยปลอดภัย ปราศจากเชื้อในกระบวนการผลิต จนรัฐบาลไทยสามารถออกหนังสือรับรองการปฏิบัติตามมาตรการ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อ ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออกให้กับผู้ผลิตอาหาร เพื่อแสดงต่อผู้ซื้อและผู้นาเข้าในต่างประเทศ ซึ่งหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย โดยผมมอบให้ปลัดทั้ง 4 กระทรวงเป็นผู้ลงนามความร่วมมือในวันนี้ เพื่อรับรองการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อ ในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก (COVID-19 Prevention Best Practice) สำหรับงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX จึงมีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งงานนี้เป็นงานสำคัญที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 30” นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับงานดังกล่าวมีการจัดงานแสดงสินค้าจริง ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค วันที่ 22-26 ก.ย. ระหว่างผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitors) และผู้ชมงานในไทยที่ประกอบด้วย นักธุรกิจในวงการอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในไทย 51,869 กิจการ รวมถึงตัวแทนผู้ซื้อจากต่างประเทศ (Buying Agents) ที่มีสำนักงานในไทย และการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง หรือ Virtual Trade Show ระหว่างผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitors) กับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าต่างประเทศ (Importers) ที่ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้เป็น ผู้ประกอบการไทย 519 บริษัท และตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบการต่างชาติจาก 12 ประเทศ ได้แก่ บราซิล แคนาดา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี นอร์เวย์ โปแลนด์ ไต้หวัน อเมริกา และเวียดนาม รวม 189 บริษัท บนพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร ซึ่งมีการใช้มาตรการการดูแลสุขอนามัย ของผู้เข้าร่วมงานอย่างเคร่งครัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน