นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกสินค้าในร้านค้าส่งสุราและยาสูบ ที่ร้านเสริมทรัพย์ เลขที่ 18/1198 ถ.สุขาประชาสรรค์ ต.บางพูด อ. ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในและกรมสรรพสามิต หลังรัฐบาลประกาศปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีร้านค้าปฏิเสธการจำหน่าย หรือกักตุนสินค้า และร้านค้ายังคงจำหน่ายตามราคาที่กรมสรรพสามิตกำหนด ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด

จากนั้นเดินทางต่อไปยังร้าน อั้งอี้เส็ง ถ.ติวานนท์ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ไม่พบการกระทำความผิดเช่นกัน ซึ่งการปรับราคาสินค้าสุราและยาสูบ จะต้องยึดวันที่ติดอากรแสตมป์เป็นหลัก ในอนาคตต้องประสานงานกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นต้นทางที่มีอำนาจในการตรวจสอบสต๊อกสินค้า ขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลราคาจำหน่ายที่ปลายทาง โดยอาจจะต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เช่นอาจจะใช้ application หรือ บาร์โค้ด เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลวันที่ติดอากรแสตมป์ย้อนหลังได้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครับทราบถึงราคาจำหน่ายที่ถูกต้องได้

ทั้งนี้ มติครม. เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2560 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยกำหนดอัตราโครงสร้างภาษี 3 สินค้า คือ เหล้า ยาสูบ หรือ บุหรี่ และไพ่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. 2560 กำหนดให้บุหรี่ซิกาแรต ยาสูบ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่ต้องแสดงราคา หากมีการจำหน่ายในราคาที่สูงกว่าราคาที่แสดงไว้จะเป็นความผิดในฐานฝ่าฝืนประกาศ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ขณะที่พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการใดๆ โดยจงใจที่จะทำให้ราคาสูงเกินสมควรหรือทำให้เกิดการปั่นป่วน ซึ่งราคาของสินค้าหรือบริการใด หากผู้ใดฝ่าฝืนมาตรานี้ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีของสินค้าเหล้าและบุหรี่กรมสรรพสามิตเป็นผู้ดูแล เมื่อมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตจึงส่งผลให้ราคาขายปลีกเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งกรมสรรพสามิตจะเป็นผู้ตรวจสอบสถานการณ์จำหน่าย สถานการณ์ราคา รวมถึงการกักตุนหรือการปฏิเสธการขายของร้านค้า เนื่องจากเหล้าและบุหรี่ ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กรมการค้าภายในจึงไม่อาจมีการตรวจสอบดำเนินคดีในกรณีที่มีการกักตุนสินค้าหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวได้ แต่หากประชาชนร้องเรียนมาที่กรมการค้าภายในผ่านสายด่วน 1569 หรือช่องทางอื่นๆ กรมการค้าภายในจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในเรื่องของการแสดงราคาจำหน่ายปลีก เมื่อพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีทันที หรือหากมีการจำหน่ายในราคาที่สูงมากผิดปกติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรก็อาจมีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฯ ดังกล่าวได้

สำหรับ การร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 เริ่มมีผู้โทรผ่านสายด่วน 1569 ในเรื่องของเหล้าและบุหรี่ ในวันที่ 12 ก.ย. 2560 จำนวน 5 ราย และวันที่ 13 ก.ย. 2560 จำนวน 11 ราย ส่วนใหญ่เป็นบุหรี่ โดยเป็นการแจ้งว่ามีการกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายหรือไม่สามารถหาซื้อบุหรี่หรือเหล้าได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำว่าหากจะร้องเรียนผ่านกรม กรมจะส่งเรื่องให้กรมสรรพสามิตดำเนินการต่อไป แต่หากจะร้องเรียนโดยตรงกับกรมสรรพสามิต สามารถใช้หมายเลขสายด่วนกรมสรรพสามิต หมายเลข 1713 ซึ่งจะเป็นการร้องเรียนโดยตรงและได้รับการแก้ไขรวดเร็วกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน