ฟิลิปส์ พลิกเกมตลาดหลอดไฟแอลอีดี จัดหนักแพ็กคู่ราคาประหยัด พร้อมเจาะเทรนด์สุขภาพ

นายเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหลอดไฟแอลอีดี มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 52% ของตลาดหลอดไฟมูลค่า 5,800 ล้านบาท ที่เหลือ 48% จะเป็นหลอดประหยัดไฟ และหลอดไฟอื่นๆ โดยปีนี้หลอดไฟแอลอีดี น่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ในขณะที่ตลาดรวมอุปกรณ์แสงสว่างที่มีมูลค่า 25,500 ล้านบาท คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพียง 2% เป็นผลจากราคาหลอดไฟแอลอีดีปรับลดลงมาอย่างมาก เริ่มต้นไม่ถึง 100 บาทสำหรับหลอด 3 วัตต์

ส่วนฟิลิปส์เป็นผู้นำในตลาดหลอดไฟรวม และหลอดไฟแอลอีดี จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 79 บาท ขนาด 3 วัตต์ และสูงสุด 169 บาท ขนาดหลอดไฟ 65 วัตต์ ล่าสุดจัดแคมเปญใหญ่ของปีนี้ ภายใต้ชื่อแพ็กเพื่อน้อง นำหลอดไฟแอลอีดี มาจำหน่ายในราคาประหยัด ตั้งแต่เดือนก.ย.-ธ.ค.นี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแอลอีดีมากขึ้น เพราะนอกจากจะประหยัดพลังงาน หรืออายุใช้งานที่ยาวนานแล้ว ผลิตภัณฑ์แอลอีดีของฟิลิปส์ได้รับการออกแบบให้มีคุณภาพแสงที่ช่วยถนอมสายตา ด้วยนวัตกรรมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานในระดับโลก ได้แก่ องค์กรระหว่างประเทศด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (International Electrotechnical Commission: IEC) ด้วย เพื่อกระตุ้นกลุ่มครอบครัวและคนทำงาน หันดูแลสุขภาพดวงตากันมากขึ้น

โดยมีจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ หลอดฟิลิปส์แอลอีดี อีโคฟิต สีคูล เดย์ไลต์ 16 วัตต์ แพ็กคู่สุดคุ้ม ราคา 269 บาท, หลอดฟิลิปส์แอลอีดี สีคูล เดย์ไลต์ 10.5 วัตต์ แพ็กคู่สุดคุ้ม ราคา 299 บาท, หลอดฟิลิปส์แอลอีดี สีวอร์ม ไวต์ 10.5 วัตต์ แพ็กคู่สุดคุ้ม ราคา 299 บาท, หลอดฟิลิปส์แอลอีดี สีคูล เดย์ไลต์ 8 วัตต์ ซื้อ 3 แถม 1 แพ็กประหยัดสุดคุ้ม ราคา 445 บาท และหลอดฟิลิปส์แอลอีดี สีคูล เดย์ไลต์ 13 วัตต์ ซื้อ 3 แถม 1 แพ็กประหยัดสุดคุ้ม ราคา 595 บาท

“ฟิลิปส์วางแผนรุกตลาดในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ด้วยแคมเปญใหญ่นี้โดยจะเข้าถึงผู้บริโภคพร้อมกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการออกภาพยนตร์สั้นบนโลกออนไลน์ เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนไทย เพราะรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดจำหน่ายในแคมเปญดังกล่าวจะมอบให้องค์กรยูนิเซฟ เพื่อนำไปต่อยอดกับโครงการพัฒนาและสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนในโรงเรียนยากไร้ รวมไปถึงสื่อทางการตลาด ณ จุดขายต่างๆ ที่ทำร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าและห้างร้านต่างๆ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนี้จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่กลุ่มพันธมิตรคู่ค้าจะสามารถนำไปต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและยอดขายได้”