นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ปัจจุบันชาวจีนหันมาใส่ใจการดูแลผิวพรรณมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มักใช้เครื่องสำอางเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและบำรุงรักษาผิวของตนเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์นั้นจะเน้นแก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายที่มักเกิดขึ้นในเวลาตั้งครรภ์ และผลิตภัณฑ์

ข้อมูลจากสถาบันการศึกษาอุตสาหกรรมการค้าในประเทศจีนระบุว่า ตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ในประเทศจีนปี 2555 มีมูลค่า 1 พันล้านหยวน ในขณะที่ปี 2559 มูลค่าตลาดได้เพิ่มขึ้นถึง 80% เป็น 1.8 พันล้านหยวน คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องสำอางสำหรับหญิงตั้งครรภ์ในจีนจะมีมูลค่าถึง 4.7 พันล้านหยวนในปี 2565

นอกจากนี้ มีการสำรวจผู้หญิงตั้งครรภ์ โดยแบ่งการสำรวจใน 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างพักฟื้นหลังคลอด และผู้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ด้านค่าใช้จ่ายที่กลุ่มตัวอย่างใช้จับจ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพบว่า 43% ใช้จ่ายเงินจำนวน 201-400 หยวน (หรือ 1,000-2,000 บาท) ต่อสินค้า 1 ชิ้น และ 31% ใช้จ่ายเงินจำนวน 4.1-600 หยวน (หรือ 2,000-3,000 บาท) ต่อสินค้า 1 ชิ้น แสดงให้เห็นว่าตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงและประทินผิวสำหรับหญิงตั้งครรภ์ชาวจีนมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก และมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมายาวนาน และรับผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งสมุนไพรเขตร้อนที่เหมาะจะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางที่มีคุณภาพตรงตามกระแสความนิยมในตลาดโลกปัจจุบัน ประกอบกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยนิยมซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของไทยกลับไปเป็นจำนวนมาก

ผู้ประกอบการไทยจึงอาจพิจารณาพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเจาะตลาดสินค้าแบบเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Market เช่น กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หรือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น เพิ่มความหลากหลายของสินค้าไทยในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะได้มากขึ้น

สำหรับการส่งออกเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์รักษาผิวของไทย ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 1,601 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย และลาว ในขณะที่จีนเป็นตลาดอันดับที่ 10 มีมูลค่าส่งออก 61.12 ล้านเหรียญสหรัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน