นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนผู้บริหารสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ที่ประชุมหารือกันถึงแนวทางการส่งเสริมสินค้าชุมชนให้เข้าสู่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่า 18,000 แห่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากนอกเหนือจากการจำหน่ายและซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค ถือเป็นการดำเนินในเฟสที่ 2 ซึ่งมอบหมายให้หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมไปจัดทำแผนและนำมาเสนอในสัปดาห์หน้าและจะเสนอต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเริ่มมีสินค้าวางขายในร้านค้าที่มีความพร้อมในช่วงเดือนพ.ย.นี้

สำหรับสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ จะมีการกำหนดคุณสมบัติและคัดเลือกผลิตภัณฑ์ โดยหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น ธ.ก.ส. เอสเอ็มอีแบงก์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งมีฐานของข้อมูลผู้ผลิตสินค้าอยู่แล้ว เบื้องต้นผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาจำหน่ายจะเป็นสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายอยู่แล้ว เช่น ข้าวถุง ผัก ผลไม้สด แปรรูป ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป แต่จะไม่กำหนดราคาว่าต้องเป็นสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่จะเป็นเหมือนสินค้าทางเลือกที่สามารถใช้เงินสด และใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรูดซื้อได้ และในเฟส 2 นี้ ในอนาคตจะรวมถึงการส่งเสริมธุรกิจบริการอื่นๆ ในชุมชนด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด

“ในเฟสแรกของการดำเนินโครงการธงฟ้าประชารัฐจะเน้นการส่งเสริมให้มีร้านค้าครบ 18,000 แห่ง ซึ่งจากการได้รับรายงานขณะนี้ก็มีถึง 9,500 แห่งแล้วถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย เน้นสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ในระยะ 2 คือการทำให้ชุมชนเข้มแข็งด้วยการนำสินค้าที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กเข้ามาวางขายในร้านค้าที่จะเป็นเหมือนเอ้าต์เลตถาวรของสินค้าเหล่านี้ ซึ่งโครงการระยะ 2 นี้ จะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งระบบไม่ใช่แค่รายใหญ่ๆ เท่านั้น” นายสนธิรัตน์ กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน