นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจีอีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์หลังเกิดโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น ใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น ประกอบกับภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศปี 2564 นี้ แม้ว่า 2 เดือนแรกจะชะลอตัวลง 10% แต่เชื่อมั่นว่าทั้งปีจะเติบโต 10% หรือมูลค่าตลาดจะกลับไปที่ 23,990 ล้านบาท ใกล้เคียงปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งมูลตลาดอยู่ที่ 23,242 ล้านบาท หลังจากปีที่แล้วตลาดปรับตัวลง 10% หรืออยู่ที่ 20,930 ล้านบาท

ปัจจัยที่จะผลักดันให้ตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้เติบโตได้ท่ามกลางกำลังซื้อยังชะลอตัว มาจากตลาดทดแทนเครื่องเก่า จากสถิติพบว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทุกๆ 8 ปี โดยในระหว่างปี 2549-2556 พบว่าในตลาดมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งหมด 2.8 ล้านเครื่อง ซึ่งประมาณการณ์ 20% หรือราว 5.6 แสนเครื่อง จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ และเลือกรุ่นที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นในปีนี้คาดการณ์ว่าตลาดสินค้าทดแทนจะมีสัดส่วนถึง 47% ของมูลค่าตลาดรวม

ทำให้แผนธุรกิจแอลจีในปีนี้วางเป้าหมายการเติบโตในกลุ่มเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 40% ครองความเป็นผู้นำอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 11% เพิ่มจาก 8% ในปีที่แล้ว โดยบริษัทได้วางไลน์อัพเครื่องปรับอากาศภายในบ้านที่จะเปิดตัว 7 ซีรีส์ รวม 23 รุ่น ตอบโจทย์ความต้องการของทุกเซ็กเมนต์อย่างครอบคลุมด้วยขนาดผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 9,000-30,000 บีทียู ราคาเริ่มต้นที่ 13,000-58,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยทุกรุ่นเป็นอินเวอร์สเตอร์และมีเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศที่สามารถตรวจจับและกำจัดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน

นอกจากนี้ ล่าสุดยังเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ UVnano ที่มาพร้อมกับครื่องปรับอากาศภายในบ้านแอลจีดูอัลคูลรุ่น IPO และรุ่น VQ ซึ่งสามารถจัดการเชื้อโรคที่เกิดจากความชื้นเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่อาจปะปนอยู่ในอากาศภายในตัวเครื่องและใบพัดได้ถึง 99.99% ซึ่งได้รับการรับรองโดยทียูวีไรน์แลนด์ ผู้ให้บริการตรวจสอบอิสระชั้นนำระดับโลกในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนมี.ค. 2564 อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาการก่อตัวของเชื้อราและสาเหตุของการเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจต่างๆ โดยเริ่มวางตลาดแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค. พร้อมกับวางงบการตลาดไว้ที่ 130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว พร้อมวางแผนการทำตลาดแบบ 360 องศาในทุกช่องทาง โดยเฉพาะออนไลน์ ซึ่งตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจาก 5% เป็น 10% และเน้นขยายตัวแทนจำหน่ายที่เป็นร้านจำหน่ายเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน