นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2560 บริษัทคาดการณ์ว่าบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าของผู้บริโภคในตลาดค้าปลีกน่าจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงปลายปีที่ใกล้เทศกาลสำคัญอย่างเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้บริโภคน่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยในทุกกลุ่มประเภทสินค้าเพิ่มมากขึ้น
บริษัทจึงเดินหน้ารุกตลาดเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อกลุ่มผู้บริโภค ด้วยแคมเปญที่โดนใจ พร้อมเดินหน้าขานรับมาตรการช็อปช่วยชาติ ของทางรัฐบาลในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้อสินค้าในช่วงระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค. 2560 ซึ่งลูกค้าสามารถนำใบเสร็จ ไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท
โดยบริษัทมองว่า มาตรการช็อปช่วยชาติ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาส 4 ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 3 ที่ทางบริษัทร่วมขานรับมาตรการนี้ โดยที่ผ่านมาได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี
ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทเตรียมความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในด้านเอกสารเพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค. 2560 ที่โรบินสัน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ และศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ทุกสาขา
ทั้งนี้ โรบินสันร่วมกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคเพื่อสนับสนุน มาตรการช็อปช่วยชาติ พิเศษกว่าปีที่ผ่านมา เพียงช็อป 8,000 บาท รับทันที! บัตรโรบินสันกิฟต์การ์ด มูลค่า 150 บาท หรือช็อป 15,000 บาท รับทันที! บัตรโรบินสันกิฟต์การ์ด มูลค่า 300 บาท ซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับช่วงเวลาดังกล่าวเท่านั้น
แคมเปญการตลาดใหญ่ 2 แคมเปญ ประเดิมด้วยการท่องเที่ยวรับลมหนาวในช่วงไฮซีซั่นกับแคมเปญ ‘ROBINSON TRAVEL & LEISURE (โรบินส์ ออน ทราเวล แอนด์ เลเชอร์) ในคอนเซ็ปต์ ‘#ช็อป ชิลล์ ฟิล วินเทอร์’ ที่มาพร้อมส่วนลดสินค้าคุณภาพทุกชั้น ทุกแผนกสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย. 2560 ตามมาด้วยแคมเปญ ROBINSON GIFT (โรบินส์ ออน กิ๊ฟท์) ในช่วงเดือนธ.ค. 2560
“บริษัทคาดว่าการขานรับ มาตรการช้อปช่วยชาติ ของทางรัฐบาล รวมทั้งแคมเปญการตลาดใหญ่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2560 จะได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัท และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาส 4 มีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นตามไปด้วย” นายอนวัช กล่าวสรุป
