นางมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กำลังจะครบ 100 ปี ในปี 2569 โดยปีนี้คาดว่ารายได้ของทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท และปี 2561 จะเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันคือราว 12% โดยมีธุรกิจการเกษตรและธุรกิจพลังงาน ซึ่งมีการเติบโตกว่า 100% จากปีที่แล้ว ที่เป็นตัวผลักดันให้รายได้ของทั้งกลุ่มเติบโตได้เป็นอย่างดีไม่เฉพาะปีนี้แต่ต่อเนื่องไปถึงอนาคตด้วย และยังเป็น 2 ธุรกิจเรือธงที่บริษัทจะให้ความสำคัญมากขึ้นจากนี้ไป

ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีหรือไอทีโซลูชั่น ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจมา 60 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นสัดส่วนรายได้หลักของกลุ่มยิบอินซอย ซึ่งปีนี้สร้างรายได้ให้ประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือราว 71% ของรายได้รวม และมีอัตราการเติบโตในระดับ 5-7% ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ในขณะที่ธุรกิจเกษตร และพลังงาน ซึ่งปัจจุบันฐานรายได้ยังค่อนข้างต่ำหรืออยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และ 400 ล้านบาทตามลำดับ แต่มีอัตราการเติบโตเกิน 100% ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีการเกษตรครบวงจรไปถึงแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมีตราใบไม้มายาวนาน โดยไม่มีโฆษณา และปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนเพิ่ม 200 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตปุ๋ยเป็น 80,000 ตัน/ปี พร้อมเปิดตัวปุ๋ยแบรนด์หัวคนป่า ที่ราคาย่อมเยาลง สำหรับขยายฐานการจำหน่ายไปยังลูกค้าในภาคอีสานเป็นครั้งแรก และประสบความสำเร็จทำให้ยอดขายกลุ่มธุรกิจเกษตรเติบ 100% เป็นปีแรก และปีหน้าบริษัทลงทุนอีก 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังผลิตไปถึง 1 แสนตัน/ปี พร้อมกันนี้บริษัทวางแผนภายในปี 2562 จะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อบริษัทมีความยั่งยืน

นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจพลังงานเดิมบริษัทสนใจจะลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่กระแสต่อต้านของมวลชนประกอบกับธนาคารยังไม่มั่นใจในการปล่อยกู้ ทำให้บริษัทเปลี่ยนเป้าหมายไปสู่โรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหลักเป็นเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา กำลังการผลิตเบื้องต้น 300-500 เมกกะวัตต์ ซึ่งบริษัทอาศัยความเชี่ยวชาญจากการเป็นผู้ให้บริการสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับการไฟฟ้าในปัจจุบันอยู่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน