นายบุญฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารสู่มาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย ว่า จากการที่เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์เพื่อเป็นผู้ดำเนินการตลาดกลางข้าวสารจำนวน 3 ราย ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าเอกชนที่ผ่านการพิจารณามีจำนวน 2 รายคือ กลุ่มตลาดไท ของบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด และ ตลาดต่อยอดของกลุ่มตลาดตะวันนา ของบริษัท ตะวันนา ไนท์บาซาร์

สาเหตุที่ให้ผ่านทั้ง 2 รายเนื่องจากเห็นว่าทั้ง 2 กลุ่มมีวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจ แต่มีจุดอ่อน จุดแข็งที่ต่างกัน เช่น เช่นรายหนึ่งมีจุดแข็งเรื่องเรื่องการทำตลาดในประเทศ อีกรายมีความโดดเด่นในด้านการเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ

ซึ่งหากได้ทั้ง 2 รายมาบริหารจัดงานตลาดร่วมกันก็จะเอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการที่จะมีพื้นที่ในการซื้อขายข้าวที่ได้มาตรฐานทั้งการซื้อขายในตลาดจริงและการซื้อขายแบบออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเพื่อขยายตลาดข้าวของไทยที่มีหลากหลายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเอกชนทั้ง 2 จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ขณะที่ภาครัฐจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เท่านั้น

โดยหลังจากนี้ในเดือนธ.ค.นี้ ทางกระทรวงจะเชิญเอกชนทั้ง 2 กลุ่มมาลงนามในข้อตกลง หรือเอ็มโอยู การดำเนินการของตลาด กำหนดกรอบการดำเนินงาน รวมถึงความพร้อมของระบบการบริหารจัดการภายในของตลาด สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆ และคาดว่าจะเปิดตัวและเริ่มดำเนินการซื้อขายได้ในช่วงต้นปี 2561

สำหรับที่มาของโครงการส่งเสริมการจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารสู่มาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทย เกิดขึ้นหลังจากนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนประเทศจีน เมื่อวันที่ 7-12 ธ.ค. 2559 ซึ่งได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมตลาดกลางข้าวสารในประเทศจีน และเห็นว่านื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ ของโลกแต่กลับไม่มีตลาดกลางข้าวสารที่เป็นสถานที่ค้าขายให้ผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาเลือกซื้อสินค้ารวมไปถึงผู้ค้าส่งและค้าปลีกข้าวสารในประเทศ จึงมีเป้าหมายจะจัดตั้งตลาดกลางข้าวสารในประเทศไทย จึงมอบหมายให้กรมการค้าภายในจัดทำหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2560

หลักเกณฑ์กำหนดให้ทำทั้งในรูปแบบตลาดจริงและออนไลน์ พร้อมทั้งจัดพื้นที่ดำเนินการจำหน่ายสินค้าไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ต้องจัดหาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก และบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล เอกชนต้องมีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นที่รู้จัก มีสถานที่ไม่น้อยกว่า 10 ไร่ ในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง และต้อง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดส่วนภาครัฐจะสนับสนุนเรื่องครุภัณฑ์และอุปกรณ์ กิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน