น.ส.แพร ดํารงค์มงคลกุล ผู้อำนวยการ เฟซบุ๊ก (Facebook) ประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจจุบัน ทำให้เห็นว่าผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าออนไลน์ทั่วโลก 86% ใช้งานแอพพลิเคชั่นในเครือของเฟซบุ๊กเป็นประจำทุกสัปดาห์ เป็นจำนวนกว่า 3,300 ล้านคน และธุรกิจอีกกว่า 200 ล้านราย ที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นในเครือของเฟซบุ๊กเป็นประจำทุกเดือน

รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทย หันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทย พบว่ากลุ่มเจนแซด และมิลเลนเนียล 8 ใน 10 คนชอบที่จะติดต่อร้านค้าผ่านแอพพลิเคชั่นส่งข้อความมากกว่า เพราะรู้สึกใกล้ชิดกับภาคธุรกิจมากขึ้นหลังจากการแชตออนไลน์ ประกอบกับผู้บริโภคไทยต้องการความสะดวก รวดเร็ว และไม่ชอบการรอ นอกจากนี้ ได้ทดลองใช้ฟีเจอร์การซื้อของผ่านการไลฟ์สดในปีที่แล้ว และมีซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้ถึง 28% จึงคาดว่า ปีนี้จะซื้อของผ่านการไลฟ์สดเพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้นเฟซบุ๊ก จึงเปิดตัว Facebook Shops ในไทยเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเปิดหน้าร้านบนออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ทั้งบนเฟซบุ๊ก และอินสตราแกรม ซึ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจกลุ่มแฟชั่น ความงามและร้านอาหาร เข้ามาเปิดร้านบน Facebook Shops มากขึ้น ปัจจุบันมีร้านค้าบน Facebook Shops กว่า 1.2 ล้านร้านค้าที่มีการค้าขายเป็นประจำทุกเดือน รวมกับจำนวนผู้เข้าชมกว่า 300 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละเดือน ถือว่าเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยขยายฐานลูกค้าได้ทั่วโลก

นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังพร้อมลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเป็นรากฐานของการช็อปปิ้งในอนาคตอีกด้วย โดยการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยออกแบบโซลูชั่นต่างๆ และล่าสุด เปิดตัว API สำหรับ Messenger และ Instagram ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและลูกค้าสามารถสนทนากันได้ง่ายขึ้น รวมไปถึง Instagram Visual Search for Shopping และการโฆษณาที่ใช้เทคโนโลยี AR ในการที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ซื้อได้ลองซื้อสินค้าที่ตนเองสนใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน