นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาผักสดในช่วงเทศกาลกินเจ ณ ตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ว่า จากการสอบถามผู้ค้าในตลาดสดพบว่าการจับจ่ายเริ่มกลับมาหลังรัฐบาลคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ก็ไม่คึกคักเท่ากับปีก่อน โดยปีนี้กำลังการซื้อหายในตลาดสดไปกว่า 30-40% เพราะประชาชนเลือกที่จะอยู่บ้าน ทำอาหารรับประทานกันเอง

ส่วนราคาผักสดราคาใกล้เคียงกับปีก่อน แต่มีการปรับขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้การขนส่งยากลำบากขึ้น เช่น คะน้าราคา 40-55 บาทต่อก.ก. ปีที่แล้วสูงสุดราคา 50 บาทต่อก.ก. ผักบุ้งจีนราคา 40-55 บาทต่อก.ก.ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเพราะกรมได้ประสานกับสมาคมตลาดกลาง สมาคมตลาดสด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาผักสดและสินค้าที่อื่นๆ ที่จำเป็น ที่อาจขาดตลาดบางช่วงมาเสริมในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดแคลนจนราคาสูงจนเกินไป ขณะเดียวกันก็ได้จัดให้มีการขนส่งผักเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วมเช่น จ.ชัยภูมิ ทั้งผักสด หมู ไข่ไก่ และหลังจากน้ำลดลงก็จะจัดรถโมบายเข้าไปจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกกว่าท้องตลาดในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม สินค้าอื่นๆ แม้ราคาผักสดจะปรับตัวสูงขึ้นบ้างแต่ราคาสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจก็ไม่ได้ปรับราคาขึ้น เช่น โปรตีนเกษตร เส้นหมี่ เห็ดหอม ยังมีเพียงพอต่อความต้องการและราคายังเท่าเดิม

นอกจากนี้ นายวัฒนศักย์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ ว่า เมื่อเข้าสู่เดือนต.ค. จะเป็นช่วงที่ผลผลิตไข่ไก่ เริ่มออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ ประกอบกับปัจจุบันเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดการชะลอตัวของการรับซื้อของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เกษตรกรขาดช่องทางในการกระจายผลผลิต เนื่องจากธุรกิจบริการ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร ไม่เปิดให้บริการ จึงเกิดภาวะไข่ไก่ล้นตลาด

กรมการค้าภายในเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไข่ไก่ โดยดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้ 1. เชื่อมโยงการจำหน่ายหรือกระจายไข่ไก่ผ่านช่องต่างๆ เช่น งานธงฟ้า รถโมบาย และสถานีจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น 2. กำกับดูแลการค้าปลีก โดยติดตามภาวะการค้าปลีกและราคาขายปลีกในตลาดสดให้สอดคล้องกับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม รวมทั้งตรวจสอบกำกับดูแล ด้านเครื่องชั่ง และการปิดป้ายแสดงราคาขายปลีก

โดยล่าสุด กรมร่วมมือกับบริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 3 รายใหญ่ ประกอบด้วย บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รับซื้อไข่ไก่ในปริมาณ 1,450,000 ฟอง เพื่อจัดทำโปรโมชันเป็นของสมนาคุณให้กับผู้ใช้บริการในสถานีจำหน่ายน้ำมัน พีที พีทีที สเตชั่น และบางจาก ในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑลฯ และภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ 13 จังหวัด 790 สาขา โดยกรมฯ ช่วยสนับสนุนค่าบริหารจัดการ เพื่อช่วยขยายช่องทางในการกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่

“กรม มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อเร่งกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ดังที่ได้กล่าวข้างต้น จะสามารถแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด รักษาเสถียรภาพด้านราคาและปรับสมดุลกลไกตลาด อันจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” นายวัฒนศักย์ กล่าว

นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกผักในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงมีผลผลิตได้รับความเสียหาย รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภคผักในช่วงเทศกาล กินเจมีปริมาณสูง สินค้าผักจึงขาดแคลน ส่งผลให้ราคาสินค้าผักปรับตัวสูงขึ้น กรม ร่วมมือกับบริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้ง 3 ราย ในการสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผักให้เกษตรกร ในช่วงประสบภัยน้ำท่วม และให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าผักในราคาที่เหมาะสมในช่วงเทศกาลกินเจ

โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 – 13 ต.ค. 2564 ณ สถานีจำหน่ายน้ำมันในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑลฯ ที่ร่วมรายการ จำนวน 100 สาขา โดยผักที่นำมาวางจำหน่าย ได้แก่ ผักคะน้า ในราคา 35 บาท กวางตุ้ง 20 บาท ผักบุ้ง 25 บาท ผักกาดขาว 25 บาท และกะหล่ำปลี 20 บาท เป็นต้น โดยกรมๆ ร่วมกับตลาดค้าส่งผัก อาทิ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง นำผักมาจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ในราคาประหยัดกว่าปกติในช่วงเทศกาลกินเจประมาณ 40%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน