เอกชนอ้อนรัฐทบทวน เปิดขายเหล้าได้ 1พ.ย. ตามไทม์ไลน์เปิดรับต่างชาติไม่ต้องกักตัว คาดเงินสะพัดเดือนละ 1-2 หมื่นล้านบาท จ่อยื่นหนังสือนายกฯ

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 นายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กล่าวว่า การระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 2 ปีแล้ว คาดว่ามูลค่าการตลาดของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หายไปกว่า 2 แสนล้านบาท หรือเกือบ 50% จากมูลค่ารวมกว่า 3.7 แสนล้านบาท ในปี 2561-2562 หรือก่อนเกิดการระบาดโควิด-19

เบื้องต้นพิจารณาแล้ว พบว่าไทม์ไลน์การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่สอดรับกัน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาก็ต้องการดื่มและเที่ยวแบบปกติมากที่สุด ภายใต้มาตรการควบคุมที่เหมาะสมกับทั้งด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ จึงต้องการให้รัฐบาลอนุญาตให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ในวันที่ 1 พ.ย. ตามไทม์ไลน์การเปิดรับต่างชาติ โดยประเมินว่า การเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะสามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดได้ถึง 1-2 หมื่นล้านบาทต่อเดือน หรือเติบโตประมาณ 20% ภายใต้เงื่อนไขให้จำหน่ายและดื่มได้

“การเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เราไม่ได้เน้นย้ำในการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ต่างๆ แต่เป็นการเปิดขายเพื่อการดื่มในร้านอาหาร โรงแรม หรือภัตตาคารมากกว่า เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถดึงบรรยากาศการใช้จ่ายเชิงบวกกลับมา โดยการอนุญาตให้ดื่มกันในร้านอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม เชื่อว่าจะมีออกมาใช้บริการมากขึ้น การจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่มขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นการช่วยดึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างแท้จริง”

นายธนากร กล่าวต่อว่า หากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังไม่เปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เชื่อว่าต่างชาติคงไม่เข้ามามากนัก เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่มีทางไม่ดื่มแน่นอน โดยการเปิดให้ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้บอกให้ทำเหมือนปกติ แต่เป็นการทำภายใต้มาตรการที่ต้องชัดเจน ไม่เคลือบแคลง และเหมาะสมในด้านการป้องกัน การทำธุรกิจ และสภาพเศรษฐกิจด้วย

“จะมีการเสนอขอให้นายกฯ พิจารณาทบทวนมาตรการและเงื่อนไขให้สอดคล้องกับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เมื่อรัฐบาลได้ยินเสียงสะท้อนของภาคเอกชนแล้ว จะมีการทบทวนอะไรออกมาที่ดีกว่าเดิมหรือไม่ หากยังไม่มีการผ่อนปรนเงื่อนไขใดออกมา จะจัดทำหนังสือเสนอถึงนายกฯ เพื่อขอให้กำหนดมาตรการไปในทิศทางเดียวกัน” นายธนากร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน