นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยหลังเดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ว่า ตนและกรมการขนส่งฯ จะหารือและวางแผนเรื่องการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ร่วมกัน โดยกรมการขนส่งฯ ในฐานะผู้กำกับดูแล (Rugulator) ต้องยึดหลักการ 2 ข้อ คือต้องมีมาตรฐานที่ดีและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งต้องขอหารือในรายละเอียดก่อน
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ขบ. รณรงค์อย่างเข้มข้น เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนโดยเฉพาะขณะนี้ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่ที่มีประชาชนเดินทางด้วยระบบรถสาธารณะและขนส่งอื่นๆ จำนวนมาก โดยตั้งเป้าหมายลดอุบัติเหตุในอนาคต หลังจากช่วงที่ผ่านมามีองค์กรระหว่างประเทศระบุว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นว่าในอนาคตสถิติดังกล่าวต้องการให้กรมการขนส่งทางบกตั้งเป้าหมายรณรงค์และให้ผลสำเร็จที่ประเทศไทยต้องไม่ติด 1 ใน 10 ของประเทศมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ปัจจุบันการพัฒนาระบบขนส่งทางถนนของไทยสภาพถนนมีคุณภาพดีและพัฒนาต่อเนื่อง รวมถึงเทคโนโลยียานยนต์ทันสมัย สิ่งที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ คือ รณรงค์สร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
“ในต่างประเทศคนขับรถสาธารณะเมื่อทำงานจนเกษียณการที่ขับรถตลอดชีวิตแล้วไม่เกิดอุบัติเหตุเลยถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งเหล่านี้ต้องปลูกฝังอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนขับรถสาธารณะใส่ใจต่อการขับรถสาธารณะทุกวัน โดยคำนึงถึงผู้โดยสารอันดับแรก”
นายไพรินทร์กล่าวต่อถึงการนำระบบเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในระบบขนส่งว่า ขอให้ ขบ และหน่วยงานขนส่ง นำระบบใช้ระบบกระบะทราย (Sand box) หรือพื้นที่ทดลองพิเศษ มาใช้ เหมือนกับที่ธนาคารพาณิชย์ใช้ โดยเปิดให้เอกชนหลายรายนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ จากนั้นทดสอบระบบในสถานการณ์จริงและในช่วงเวลาจำกัด เช่น 3 เดือน เพื่อให้ทราบปัญหาและความต้องการของผู้บริโภค ถ้าหากเทคโนโลยีได้รับความนิยมและมีแนวโน้มที่ดีจึงเป็นประมูลเป็นการทั่วไป ซึ่งวิธีนี้จะลดปัญหาในขั้นตอนการประมูล ส่งมอบงาน และใช้งานจริง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตนได้มอบนโยบายนี้ให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่มีปัญหาเรื่องการนำเทคโนโลยีระบบซื้อบัตรโดยสารด้วยเหรียญอัติโนมัติ (Cash box) มาใช้บนรถเมล์ด้วยพร้อมแนะนำว่าขสมก. อาจนำเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ดมาเป็นระบบชำระค่าโดยสารเหมือนในประเทศจีน เพราะคิวอาร์โค้ดไม่ต้องติดตั้งกล่องหรือฮาร์ดแวร์บนรถเมล์ เข้ากับวิถีชีวิตคนสมัยใหม่ที่มีโทรศัพท์มือถือกันทุกคนและดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ขึ้นรถเมล์มากขึ้นด้วย
