นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้โลตัสยังลงทุนภายใต้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในระดับ 10,000 ล้านบาทต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเน้นลงทุนการปรับเปลี่ยนแบรนด์จาก เทสโก้ โลตัส เป็น โลตัส การปรับปรุงร้านสาขาที่มีทั่วประเทศ และลงทุนด้านช่องทางจำหน่ายออนไลน์

สำหรับครึ่งปีแรกของปีนี้ใช้ไปแล้ว 50% ในการปรับสาขาที่คาดว่าในเดือนส.ค.และก.ย.นี้ จะปรับได้ครบทั้งหมด รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ของห้างค้าปลีกโลตัส และโลตัส โกเฟรช ถึงสิ้นปีนี้จะมีครบ 2,300 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ขยายฐานช่องทางออนไลน์จากการเปิดแอพพลิเคชั่น นับตั้งเปิดขณะนี้มีมีลูกค้า 4.5 ล้านคนดาวน์โหลดแอพฯ และตั้งเป้าหมาย 8 ล้านคนสิ้นปีนี้ จากฐานลูกค้าโลตัสกว่า 10 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขายออนไลน์เป็น 15-20% ใน 3 ปี

ส่วนทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มองว่ามีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบที่จะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น ส่งผลให้เงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ และช่วยให้ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศกระเตื้องเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งเห็นตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับความเชื่อมั่นของคนไทยที่ออกมาใช้ชีวิตตามปกติด้วย

พร้อมกันนี้มาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นโมเมนตัมทำให้ตลาดดีขึ้น ขณะที่ภาคเอกชนกลับมาลงทุน และเกิดเงินหมุนเวียนในระบบ ทำให้เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ปัจจัยลบสำคัญ คือ ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้ามีเงินจับจ่ายลดลง แต่ดีกว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังซื้อถดถอย ทำให้ปีนี้โลตัสน่าจะกลับมาเติบโต 2 หลักในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ถ้าอาหาร 1 หลัก ที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับต้นทุน และเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าจะยังเติบโต โดยเฉลี่ยคาดว่าจะเติบโตในระดับ 1 หลัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน