นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ตามที่คณะกรรมการค่าจ้างเสนอขึ้นค่าจ้างระหว่าง 5-22 บาท/วัน มีผลบังคับตั้งแต่ 1 เม.ย. 2561 โดยทั่วประเทศมีอัตราค่าจ้างตั้งแต่ 308-330 บาท อัตราค่าจ้างที่ได้ประกาศทุกจังหวัด การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำเพี่อสร้างความเสมอภาคและเป็นธรรม เพราะผู้ใช้แรงงานไม่ได้ปรับค่าจ้างมานานพอสมควร ซึ่งการพิจารณาปรับค่าจ้างในครั้งนี้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละจังหวัด
“ทั้งนี้ ในที่ประชุมครม. นายกรัฐมนตรี สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย ก่อนที่ค่าแรงขั้นต่ำใหม่จะมีผล 1 เม.ย. 2561 เพราะระหว่างนี้ครม. จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่กระทรวงการคลัง อุตสาหกรรม และ บีโอไอดูแลก่อน”
นายณัฐพร กล่าวว่า ผลจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ รัฐบาลเล็งเห็นผลกระทบนี้ จึงได้ออก 3 มาตรการ เพื่อนำร่องการช่วยเหลือผู้ประกอบการไปก่อน และหลังจากนี้จะมีมาตรการอื่นๆ ตามมา โดยมาตรการ ที่ 1 คือ มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ปัจจุบันนายจ้างนำค่าจ้างลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า แต่คราวนี้สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ 1.15 เท่า หรือประมาณ 3% ของอัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น หรือลดหย่อนได้ประมาณ 9-10 บาท ของค่าใช้จ่ายค่าจ้าง
ส่วนเงื่อนไขผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าไม่เกิน 100 ล้านบาท/ปี มีการจ้างแรงงานไม่เงิน 200 คน ในรอบระยะบัญชีในการใช้สิทธิ อัตราค่าจ้างดำเนินการตั้งแต่ 31 เม.ย.-31 ธ.ค. 2561 โดยอัตราค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31ธ.ค.2561 ต้องสูงกว่าอัตราค่าจ้างรายวันเดิมที่บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติตบุคคลนั้นได้จ่ายให้ลูกจ้างก่อน 1 เม.ย. 2561 นอกจากนี้ ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี กระทรวงการคลังคาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ 5,400 ล้านบาท
2.มาตรการเสนอโดยอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพเอสเอ็มอี ซึ่งเสนอโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินธุรกิจ ลดค่าใช้จ่าย เพื่อชดเชยค่าแรงที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการและบุคคลากร ระยะดำเนินการ 3 ปี ระหว่างปี 2561-63 ปี ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ระยะแรก ก.พ.-ก.ย. 2561 แบ่งเป็นงบประมาณ 500 ล้านบาท ปี 2562 งบประมาณ 2,500 ล้านบาท และปี 2563 งบประมาณ 2,000 ล้านบาท
3. มาตรการเสนอโดยบีโอไอ ประกอบด้วย 2 มาตรการ ดังนี้ คือ 1. มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ตามประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อ 28 ต.ค. 2560 ที่มาตรการเดิมระบุว่า สามารถนำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยีมาใช้ในด้านการผลิตหรือบริการ และมาตรการเพิ่มเติมสามารถขยายขอบข่ายการใช้ระบบดิจิตอลมาใช้ในระบบผลิต หรือระบบการบริหารจัดการ สิทธิประโยชน์จากโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 3 ปี ส่วนวงเงินสูงสุดที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% ของมูลค่าเครื่องจักร
2. การปรับปรุงมาตรการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ตามประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2557 มาตรการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิต เพื่อวัตถุดิบในประเทศ โดยขยายไปถึงการอบรมบุคคลากรให้มีทักษะเฉพาะทางให้สูงขึ้นเช่น การอบรมใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ชั้นสูง อาทิ บิ้กดาต้า จะได้รับสิทธิประโยชน์คือการลดภาษีเงินได้เพิ่มเติม 200% ของเงินลงทุน
นายณัฐพร กล่าวว่า สำหรับ อัตราค่าจ้างปี 2561 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 308 บาท/วัน มีจำนวน 3 จังหวัด คือ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ,อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 310 บาท/วัน มีจำนวน 22 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง ลำพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลำภูอำนาจเจริญ และอุทัยธานี ,อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 315 บาท/วัน มีจำนวน 21 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา พัทลุง พิษณุโลก เพรชบุรี เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี และอุตรดิตถ์
ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 318 บาท/วันมีจำนวน 7 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก ปราจีนบุรี มุกดาหาร สกลนคร และสมุทรสงคราม, อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 320 บาท/วัน มีจำนวน 14 จังหวัด คื กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุบลราชธานี ,ค่าจ้างขั้นต่ำ 325 บาท/วัน มีจำนวน 7 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาครและค่าจ้างขั้นต่ำ 330 บาท/วันมีจำนวน 3 จังหวัดดังนี้ ชลบุรี ภูเก็ต และระยอง
