นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนมบินดอนเมือง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ในเดือนเม.ย. นี้ สนามบินดอนเมืองจะเสนอแผนการพัฒนาปรับปรุงอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเดิม มูลค่างบประมาณ 2,200 ล้านบาท ให้บอร์ด ทอท. พิจารณาอนุมัติ รวมถึงแผนการปรับปรุงสะพานเทียบเครื่องบินหมายเลข 5 งบประมาณ 22 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็น 1 ในโครงการขยายขีดความสามารถพัฒนาสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 3 (ปี 2563-2567) มูลค่ารวมกว่า 32,000 ล้านบาท สำหรับสาเหตุที่เสนอ 2 โครงการนี้มาดำเนินการก่อนเพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันรองรับ 30 ล้านคน/ปีเป็น 40 ล้านคน/ปี

อย่างไรก็ตาม ทอท. มีแผนโครงการพัฒนาขยายขีดความสามารถสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 3 (ปี 2563-2567) แต่เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วและสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากได้ทันที ดังนั้น ในขณะนี้สนามบินดอนเมืองจึงอยู่ระหว่างการจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะนำโครงการที่อยู่ในเฟส 3 นำมาดำเนินการเร่งด่วนก่อนและเตรียมเสนอบอร์ด ทอท. ในระยะต่อไป คือ 1.โครงการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารในประเทศหลังเดิม เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าในปี 2561 ปริมาณผู้โดยสารเติบโตขึ้น 14% หรือเพิ่มเป็น 41-42 ล้านคน/ปี จากที่ปี 2560 มีผู้ใช้บริการที่สนามบินดอนเมืองที่ 37 ล้านคน/ปี ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการเส้นทางบินต่างประเทศโตเฉลี่ย 30% ต่อปี ซึ่งตามแผนจะเริ่มปรับปรุงได้ปลายปี 2561-ต้นปี 2562 เพื่อให้เปิดใช้งานได้ในปี 2563

2. ปรับปรุงช่องตรวจคนเข้าเมืองทั้งขาเข้า-ขาออก และเคาน์เตอร์เช็กอินเพิ่มขึ้น จากเดิมรองรับผู้โดยสารใช้บริการได้ 2,000 คน/ชม. เป็น 3,000 คน/ ชม., ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหมายเลข 1 ที่ปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศ, 3.โครงการปรับปรุงสะพานเทียบเครื่องบินหมายเลข 5 ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยระบายปริมาณผู้โดยสารให้เข้าเครื่องบินได้ทั้งทางประตู และบัสเกต ได้กว่า 700-2,000 คน

นอกจากนี้ สนามบินดอนเมืองยังอยู่ระหว่างการจัดความเหมาะสมของโครงการที่จะนำมาใช้รูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือพีพีพี ด้วยว่าโครงการใดเหมาะสม เบื้องต้นโครงการพัฒนา สร้างโรงแรม, โครงการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ น่าจะเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการรูปแบบ พีพีพีได้ แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาให้มีความรอบคอบก่อนตัดสิน

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า และจากที่ปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นพบว่าสัดส่วนปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางในปัจจุบัน เส้นทางบินในประเทศอยู่ที่ 65% เส้นทางบินต่างประเทศที่ 35% นั้น และมีแนวโน้มว่า ผู้โดยสารจะใช้บริการเส้นทางบินต่างประเทศที่สนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 40% ในขณะที่เส้นทางบินในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ ส่งผลให้รายได้โดยรวมของสนามบินดอนเมืองในส่วนของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมสนามบิน (พีเอสซี) เพิ่มขึ้นทันที หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไปกลับกว่า 1,400 ล้านบาท/ปีทันที นอกจากนั้นปีนี้ สนามบินดอนเมืองยังมีการรับรู้รายได้จากค่าสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีอีก 2,000 ล้านบาท/ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน