‘พีระพันธุ์’ จี้เร่งคดีปั๊มเติมน้ำมันผสมน้ำเปล่า รถกระบะลูกค้าเครื่องพัง ตร.เผยออกหมายเรียกแล้ว ขีดเส้น 23 พ.ค. ถ้าไม่มาจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ก่อนออกหมายจับ
จากกรณีสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เติมน้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล B7 ให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท แต่ปรากฏว่าน้ำมันเชื้อเพลิงมีน้ำเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้เครื่องรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เกิดอาการน็อก ได้รับความเสียหาย ต่อมาผู้เสียหายได้นำคลิปวิดีโอขณะที่พนักงานบีบน้ำมันออกจากหัวจ่ายใส่ลงไปในภาชนะพบมีน้ำผสม นำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวจนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ
ต่อมาวันที่ 2 พ.ค. 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้มอบหมายให้ นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธหิ ที่ปรึกษาพร้อมด้วยนางนิภา ศรแก้ว ผู้อำนวยการกองคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง นายอัครเดช ศุกระกาญจน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมธุรกิจพลังงาน และนางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี
ร่วมกับ พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 (ผบก.ศพฐ.7) พร้อมศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 พ.ต.อ.สรวิชญ์ บัวกลิ่น ผกก.สภ.หนองปรือ พ.อ.ทวี ดอนวิจิตร หัวหน้ากลุ่มงานประสานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดกาญจนบุรี ร.ต.ท.ทัศเทพ เพร็ชศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ ร้อยเวรเจ้าของคดี ลงพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐานรอยรั่วของถังน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 พ.ค. 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน มอบหมายให้ นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธหิ ที่ปรึกษา พร้อมด้วยนางสมนึก สิทธิการณา พลังงานจังหวัดกาญจนบุรี นายธนานนท์ ศรีสำราญ วิศวกรปฏิบัติการสำนักงานพลังงานจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สภ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี
เมื่อมาถึง พ.ต.อ.สรวิชญ์ บัวกลิ่น ผกก.สภ.หนองปรือ จึงเชิญคณะเข้าประชุมหารือที่ห้องประชุม ศปก.สภ.หนองปรือ โดยมี พ.ต.ท.เกรียงไกร นาคแก้ว รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.หนองปรือ ร.ต.ท.ทัศเทพ เพร็ชศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ ร้อยเวรเจ้าของคดี เข้าร่วม
นายหิมาลัยได้สอบถามถึงความคืบหน้าของคดี ทาง ผกก.สภ.หนองปรือ แจ้งว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว และส่งหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปถึงเจ้าของปั๊มน้ำมันให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้นำเอกสารต่างๆ มามอบให้
โดยหมายเรียกได้ส่งไปที่ปั๊มน้ำมัน 1 หมาย และส่งไปตามภูมิลำเนาที่อยู่ตามบัตรประชาชน 1 หมาย ซึ่งกำหนดให้เจ้าของปั๊มมาพบพนักงานสอบสวน ไม่เกินวันที่ 23 พ.ค.นี้ หากเจ้าของปั๊มไม่มาก็จะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 หากครบกำหนดยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนอีก ก็จะออกหมายจับทันที
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าน้ำที่เข้าไปปนเปื้อนกับน้ำมัน จำนวน 200 ลิตรนั้น เข้าไปได้อย่างไร ซึ่งนายหิมาลัยได้กำชับให้ ผกก.สภ.หนองปรือ รวมทั้งพนักงานสอบสวน เร่งรัดหาข้อเท็จจริงมาให้ได้โดยเร็ว
ดร.หิมาลัย กล่าวว่า ท่านพีระพันธุ์มีข้อสงสัยอยู่ในหลายประเด็น และต้องการทราบข้อเท็จจริงว่าในน้ำมันดีเซล B7 ที่เติมรถยนต์ให้กับลูกค้านั้นมีน้ำเข้ามาปนในขั้นตอนไหน เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกรายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งพลังงานจังหวัดทุกจังหวัดก็ให้ความสำคัญ เราจึงต้องมาหาสาเหตุให้ได้ว่าน้ำเข้าไปปนกับน้ำมันได้อย่างไร
นายหิมาลัย กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ความคืบหน้ามาระดับหนึ่ง จากการสอบถามน้องชายเจ้าของปั๊มรวมทั้งเจ้าหน้าที่ แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าของปั๊มน้ำมันยังไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนยังต้องการเอกสารอีกหลายอย่าง เช่น เอกสารยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุบริษัทหรือใครเป็นผู้มาส่งน้ำมัน
นายหิมาลัย กล่าวอีกว่า จากนั้นพนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป ว่าใครเป็นคนขับรถ และรถบรรทุกน้ำมันมีสภาพอย่างไร ต้นทางของน้ำมันมาจากที่ใด เพื่อจะได้ทราบว่าน้ำเข้าไปปนเปื้อนในช่วงใด
นายหิมาลัย กล่าวต่อว่า เราต้องการให้ผู้ประกอบการรู้ว่าการกระทำแบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ และท่านพีระพันธุ์ก็มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามให้ถึงที่สุด เราไม่ได้มองว่าเป็นเคสเล็กๆ และไม่ได้มองว่าเงินเติมน้ำมันไปไม่กี่บาท ไม่ใช่ว่าผู้ประการจะชดใช้ให้กับผู้เสียหายแล้วเรื่องก็จบกันไป มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่จะต้องตอบสังคมให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เจ้าของปั๊มตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพื่อที่ต่อไปจะได้พึงระวัง
นายหิมาลัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพลังงานจังหวัดและพนักงานสอบสวนได้พยายามอย่างเต็มที่ แต่ผู้ตัดสินคือท่านผู้พิพากษา โดยท่านจะพิจารณาว่า ผู้กระทำควรจะได้รับโทษมากน้อยแค่ไหน ส่วนกล้องวงจรปิดที่มีก็ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆ ก็เสีย เมื่อมีเรื่องไม่ดีทีไร กล้องวงจรปิดจะเสียทุกที