นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยต้องเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) เพราะขณะนี้มีหลายประเทศได้เข้าร่วมไปแล้ว เช่น เวียดนามเมื่อเข้าร่วมก็ทำให้มีโอกาสส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นหากไทยไม่ยอมเข้าร่วมก็อาจจะเสียโอกาสทางเศรษฐกิจทั้งการค้า การลงทุนได้ ซึ่งล่าสุดในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย ทางออสเตรเลีย อยากให้ไทยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีพีพีด้วย

“กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ศึกษาอยู่ เพื่อดูว่าไทยจะได้หรือเสียประโยชน์อะไร แต่การเข้าร่วมทีพีพี จะถือเป็นแพ็กเกจการเปิดการค้าเสรีที่สำคัญ ถ้าเราไม่เข้าเป็นส่วนหนึ่งจะดึงคนอื่นมาลงทุนในไทยได้อย่างไร รวมถึงการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซพ) ระหว่างอาเซียน กับ 6 ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เราก็ต้องเข้าร่วมด้วยเช่นกัน แต่ในการเข้าร่วมก็ต้องคุยกันว่า มีอะไรเสียเปรียบก็ต้องต่อรองไป โดยขอให้ดูภาพรวมทั้งหมด ไม่ให้ดูเป็นชิ้นๆ”

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. รัฐมนตรีด้านกิจการต่างประเทศและการค้าของ 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ เวียดนาม และชิลี เพิ่งได้มีการลงนามร่วมกันในข้อตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าระหว่างภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นฉบับแก้ไข ของความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ฉบับดั้งเดิม ที่มีสหรัฐรวมอยู่ด้วยเป็น 12 ประเทศสมาชิก

ทั้งนี้ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสมาชิกทีพีพีทั้ง 11 ประเทศรวมกันอยู่ที่ราว 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 314 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม หากมีสหรัฐฯ เข้ารวมอยู่ด้วยจะเพิ่มสัดส่วนทางเศรษฐกิจในตลาดโลกเป็น 40% เลยทีเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน