นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ในส่วนของวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่เปิดให้ยื่นคำขอสินเชื่อไปในช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ธนาคารอนุมัติสินเชื่อไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ถือว่าไม่มากเนื่องจาก ธอส. จะต้องพิจารณาความสามารถในการกู้และผ่อนชำระของลูกค้า ซึ่งยอมรับว่าลูกค้าในกลุ่มนี้มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาทจึงต้องมีการกู้ร่วม

“ผู้ถือบัตรคนจนสามารถเข้ามายื่นกู้ได้ ซึ่งธนาคารก็จะพิจารณาความสามารถในการกู้ บางรายมีรายได้ไม่เพียงพอกับวงเงินที่ขอ ก็ต้องมีการใช้ผู้กู้ร่วม อย่างไรก็ดี เพื่อให้ผู้ถือบัตรคนจนสามารถกู้เงินกับ ธอส.ได้ ในรายที่ไม่ผ่านเงื่อนไข ก็จะต้องมาเข้าโรงเรียนการเงิน มีการทำบัญชีกับธนาคาร 9 เดือน ซึ่งเราก็จะล็อกวงเงินตรงนี้ไว้ให้” นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวว่า แม้ว่าวงเงินสินเชื่อในกลุ่มนี้จะปล่อยได้ไม่เร็วมาก แต่ก็จะไม่มีการยกเลิกวงเงินหรือนำไปใช้อย่างอื่น จะกันในส่วนนี้ไว้เพื่อสนองนโยบายภาครัฐในการดูแลประชาชนและให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ยื่นกู้ จะเฉลี่ยต่อรายละ 4-5 แสนบาท เป็นการกู้นำไปสร้างที่อยู่อาศัย ในที่ดินของผู้ที่กู้ร่วม ซึ่งการพิจารณาว่าสินเชื่อจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ ต้องพิจารณาความสามารถในการกู้ทั้งของผู้กู้และผู้กู้ร่วมด้วย ว่าจะได้มากน้อยขนาดไหน

ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีวงเงินกู้มากกว่า 1 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% วงเงินสินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาท มีผู้ยื่นขอสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 5,000 ล้านบาท และสินเชื่อบุคลากรภาครัฐ วงเงินสินเชื่อ 30,000 ล้านบาท ผู้ยื่นขอสินเชื่อ 8,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะอนุมัติสินเชื่อได้ครบวงเงินตามกำหนดเวลาโครงการ ซึ่งให้ยื่นขอคำกู้ได้จนถึงวันที่ 28 ธ.ค. 2561

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส.ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดทำโครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ ซึ่งภายใต้กรอบความร่วมมือในครั้งนี้ ธอส.ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยการเปิดให้บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลที่เป็นลูกค้าของ ธพว. และ บสย. ที่มีความต้องการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ ขอสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ หรือขอสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) สามารถเลือกใช้สินเชื่อของ ธอส. ได้โดยไม่ต้องใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน จะเปิดให้ยื่นกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 28 ธ.ค. 2561

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถขอสินเชื่อรายย่อยทุกประเภทที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้กู้ เช่นโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ กรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ/แฟลต/อพาร์ทเม้นท์ กรอบวงเงิน 1,500 ล้านบาท และสินเชื่อพัฒนาโครงการหรือ Pre Finance กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่ามี ลูกค้าของ ธพว. ที่เข้าร่วมโครงการยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ประมาณ 1 แสนราย

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า ธพว. พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้า ธอส. ที่ประสงค์จะสร้างอาชีพในที่อยู่อาศัยเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว ดอกเบี้ย 3% ใช้ บสย. ค้ำประกันฟรี 4 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เกษตรแปรรูป ที่อาศัยอยู่ในชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1% ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีปัญหาทางการเงินสามารถกู้ได้ (แม้เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือผ่อนชำระไม่ต่อเนื่องมาก็ตาม) และสินเชื่อสร้างอาชีพวัยเก๋า ซึ่งผ่อนปรนเกณฑ์ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้นตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป จนถึง 75 ปี เป็นต้น โดยมีลูกค้าของ ธอส. ที่เข้าร่วมโครงการได้ประมาณ 1 ล้านราย

นางนิภารัตน์ พิสิฐพิทยเสรี รักษาการแทนผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้า ธพว. ที่ต้องการสินเชื่อบ้าน และลูกค้าสินเชื่อบ้านของ ธอส. สามารถเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ บสย.จะเข้าไปช่วยเติมเต็มผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อธุรกิจ และขอสินเชื่อจาก ธพว. ด้วย โดยขณะนี้ บสย. มีโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS 6) ปรับปรุงใหม่ วงเงินสนับสนุนอีกกว่า 30,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน