นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (บีทีเอส) เปิดเผยว่า ตามประกาศแผนธุรกิจปี 2561/62 ของบริษัทเมื่อวันที่ 9 เม.ย. โดยบริษัทคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานจะโตอย่างก้าวกระโดดถึง 200% โดยมีธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นหัวหอกหลักในการเติบโต จากกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้เดือนธ.ค. 2561 นี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้จำนวน 20,000-25,000 ล้านบาท จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (มีนบุรี-แคราย) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)
ซึ่งบีทีเอส ในฐานะเป็นผู้เดินรถ พร้อมด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับสัญญาสัมปทานทั้งสองสาย ซี่งจะช่วยเพิ่มรายได้จากการเดินรถขึ้นถึง 30% จากปีก่อนแล้ว ยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้ามายังเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวซึ่งเป็นสายหลักอีกด้วย ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2562 (มี.ค. 2562) บีทีเอสจะมีเส้นทางในการเดินรถรวมทั้งสิ้น 48.9 ก.ม. รวม 43 สถานี จากปัจจุบันอยู่ที่ 38.1 ก.ม. รวม 35 สถานี
“การเติบโตในปีนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะไม่ใช่แค่เพียงการเติบโตในธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเพียงอย่างเดียว แต่ธุรกิจสื่อโฆษณา และอสังหาริมทรัพย์ ยังจะได้รับอานิสงส์ในการเพิ่มมูลค่าของแต่ละธุรกิจจากการขยายเครือข่ายและเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าที่บีทีเอสได้รับมา”
นายกวิน กล่าวและว่า สำหรับธุรกิจโฆษณาภายใต้การบริหารของ บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย ยังคงขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจโฆษณาในงวดปี 2561/62 เติบโตเป็น 4,400-4,600 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ราว 20-25% สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทฯ ในปีนี้ ส่วนใหญ่ถูกโอนไปอยู่ภายใต้บริษัท ยู ซิตี้ จํากัด (มหาชน) ในฐานะเป็นบริษัทร่วมที่เป็นผู้ดำเนินงานและลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บริษัทฯ เตรียมจัดทัพธุรกิจพร้อมรุกตลาดอย่างเต็มกำลังผ่านการควบรวมธุรกิจโรงแรมในยุโรปและอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ ยู ซิตี้ คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ ประมาณ 6,000-6,700 ล้านบาท ทำให้กลุ่มบริษัทมีความพร้อมในการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ และเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะจัดหาแหล่งเงินทุนผ่านช่องทางที่เหมาะสมและหลากหลายอีกด้วย
