ไทยพาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นรั้งทายโลก คงเป้าจีดีพีปีนี้ 2.4% แรงหนุนแจกเงินหมื่น-ท่องเที่ยว

นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ เอสซีบี อีไอซี (SCB EIC) เปิดเผยว่า เอสซีบี อีไอซี ยังคงมุมมองต่อประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 2.4% มาจากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการ 10,000 บาทเฟสที่เหลือ และการลงทุนภาครัฐที่จะขยายตัวต่อเนื่องจากมาตรการเร่งเบิกจ่าย

ในขณะที่การส่งออก นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยกดดันการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนของไทย ซึ่งเศรษฐกิจไทยจึงมีแนวโน้มได้รับผลกระทบอย่างมากจากสงครามการค้า ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะหลายปีที่ผ่านมาการส่งออกของไทยพึ่งตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น โดยมุมมองผลกระทบต่อธุรกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะจากนโยบายภาษี Reciprocal Tariffs และ Specific Tariffs ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะกระทบกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตรเคมี เป็นต้น

ส่วนภาคการผลิตไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าในปีนี้ ด้วยส่วนหนึ่งมาจากนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทุนและวัตถุดิบ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับแรงกดดันจากนโยบายของทรัมป์ 2.0 และจากปัญหาโครงสร้างการผลิตที่ยังอ่อนแอ

พร้อมกันนี้ธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยเริ่มเปลี่ยนจากการย้ายฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ เปลี่ยนเป็นการเข้ามาแข่งขันกับตลาดในประเทศมากขึ้น ส่วนภาพการลงทุนภาคเอกชนแม้จะกลับมาขยายตัวในปีนี้จากที่หดตัวแรงในปีก่อน แต่เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าทุนตามกระแสการลงทุนทางตรงจากต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่การลงทุนในประเทศด้านอื่นยังฟื้นตัวได้ไม่มากนัก

“เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าอยู่ในกลุ่มรั้งท้ายของโลก สะท้อนอาการแผลเป็นโควิดหลายมิติ ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างเดิมที่ยังไม่ได้แก้ไข ทั้งแผลเป็นภาคธุรกิจ แผลเป็นภาคครัวเรือน สะท้อนจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อจีดีพีที่ยังสูงเกือบ 90% และแผลเป็นภาคการคลัง เห็นได้จากหนี้สาธารณะสูงขึ้นมากเทียบก่อนโควิดและมีแนวโน้มเข้าใกล้เพดานหนี้ 70% ในอีกไม่กี่ปี“

นายยรรยง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดซื้อหนี้ของประชาชนออกจากระบบธนาคารเพื่อแก้หนี้ครัวเรือน ว่า ยังต้องรอดูความชัดเจนของนโยบาย แต่เข้าใจว่าขณะนี้ทุกภาคส่วนพยายามร่วมกันแก้ปัญหาหนี้ เพราะเป็นปัญหาที่หนักที่สุดในขณะนี้

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังอยากให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นนั้น ยอมรับว่าสินเชื่อที่หดตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากความระมัดระวังของสถาบันการเงิน ในขณะที่ผลสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าความต้องการสินเชื่อใหม่ลดลงเช่นกัน จะเห็นได้ว่าเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้นหากมีมาตรการที่สร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าจะทำให้ทั้งผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อมีความมั่นใจมากขึ้น และภาคธนาคารก็พร้อมสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน