เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2561 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับอาลีบาบา กรุ๊ป ว่า การเดินทางมาของนายแจ๊ก หม่า ในวันนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมั่นใจปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 4% แน่นอน ประกอบกับไทยยังมีนโยบายยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไทยไปสู่ดิจิตอลให้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งการดำเนินนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยย่ำอยู่กับที่

ทั้งนี้ อาลีบาบาได้ทำการศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคและตัดสินใจที่จะลงทุนสร้างดิจิตอลฮับ (สมาร์ต ดิจิตอล ฮับ) ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในนโยบายประเทศไทย 4.0 และอนาคตเศรษฐกิจไทยที่สดใส โดยดิจิตอลฮับที่จะสร้างขึ้นนับเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงเอสเอ็มอีไทยทุกระดับ ทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มโอทอปและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนและตลาดโลก

นอกจากนี้ ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีและเกษตรกรของไทย ซึ่งจะขยายไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะเดียวกัน ยังจะเป็นแรงเสริมขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทย แม้เอสเอ็มอีจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก ไม่มีอำนาจต่อรอง แต่หากได้รับความช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด เอสเอ็มอีไทยก็จะลืมตาอ้าปากได้ เพราะจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาระบบออนไลน์ให้สินค้าเกษตรส่งผ่านไปสู่การค้าในตลาดต่างประเทศ

“ในช่วงที่มีข่าวการเดินทางของแจ๊ก หม่า เพื่อเข้ามาลงทุนในไทยช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ ก็มีการคำสั่งซื้อทุเรียนของไทยเข้ามาแล้ว 6 หมื่นรายการ และไทยยังมีเงาะ กล้วยหอม มะพร้าว ข้าว และสินค้าเกษตรอีกหลากหลาย ถ้าเราสามารถร่วมมือกันอย่างดี จะช่วยสร้างโอกาสให้คนที่อยู่ห่างไกลและด้อยโอกาสให้มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

ด้านนายแจ๊ก หม่า ประธานกรรมการบริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า จีนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยการขยายตัวของกำลังซื้อของคนชั้นกลางที่มีจำนวนมากกว่า 300 ล้านคนในปัจจุบัน ประกอบกับนโยบายเปิดการค้าเสรีของจีน คงไม่มีเวลาที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ที่ประเทศต่างๆ จะใช้โอกาสนี้ในการส่งสินค้าไปยังตลาดจีน

“ที่สำคัญคือผลิตผลทางการเกษตรของไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน หรือผลไม้ต่างๆ ล้วนเป็นสินค้าที่ชาวจีนชื่นชอบ ด้วยจุดแข็งในเรื่องผู้คนและวัฒนธรรมของไทย ประกอบกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ทำให้เรามั่นใจในอนาคตและศักยภาพการเติบโตของไทย โดยกลุ่มอาลีบาบายืนยันที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวกับประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกดิจิตอล”

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าการเข้ามาลงทุนของอาลีบาบาจะผูกขาดตลาดการค้าออนไลน์ในไทยนั้น ทางอาลีบาบายืนยันว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรหรือผูกขาดทางการค้า แต่เราเน้นการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จ เพราะกำลังคนเรายังมีไม่เพียงพอ และหากเราได้คนที่ประสบความสำเร็จเข้ามาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เราก็จะสำเร็จไปด้วยกัน

“เราไม่ต้องการทำสงครามทางการค้าไม่ว่ากับประเทศไหน เพราะเชื่อในการค้าเสรี ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถค้าขายกันได้ทั่วโลก โดยอาลีบาบามีเป้าหมายที่จะทำให้โลกเกิดความสมดุล เท่าเทียม และเป็นธรรม และในที่สุดการค้าจะช่วยแก้ปัญหาการเมืองได้ โดยเราต้องการสร้างฐานข้อมูลด้านการค้าระบบออนไลน์ในกลุ่มประเทศอาเซียนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในภูมิภาค”นายแจ๊ก หม่า กล่าว

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ผลจากการดำเนินนโยบายเปิดประเทศของจีนน่าจะส่งผลบวกต่อไทย โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเบ่งบ่น การเปิดตลาดการค้าร่วมกันจะช่วยส่งเสริมให้เจ้าของธุรกิจของไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีความสำคัญต่อไทยมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน