นางวารี สดประเสริฐ นายกสมาคมกาแฟไทย เปิดเผยว่า สมาคมกาแฟไทยพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเดินหน้ายุทธศาสตร์กาแฟ ฉบับที่ 2 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี (ปี 2560-2564) เพื่อพัฒนาการผลิตกาแฟในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพให้กับอุตสาหกรรมกาแฟไทย เพราะปัจจุบันไทยสามารถผลิตกาแฟได้เพียง 26,000 ตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการในประเทศมีถึง 80,000-90,000 ตันต่อปี ซึ่งที่เหลือต้องนำเข้าจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นหลัก

ความต้องการกาแฟที่เพิ่มขึ้นมาจากอัตราการบริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมกาแฟในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 3-5% เป็น 5-8% มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมาก ดังนั้นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กาแฟ เพื่อพัฒนาการผลิตกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจึงสำคัญที่สุด เพราะนอกจากจะรองรับตลาดในประเทศไทยให้เพียงพอแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ การส่งออก โดยไทยมีศักยภาพเพียงพอที่เป็นศูนย์กลางในประเทศอาเซียนที่จะเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ เพื่อส่งออกไปทั่วโลกได้ จากปัจจุบันแม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านจะผลิตกาแฟได้จำนวนมาก แต่กาแฟคุณภาพยังขาดแคลนอยู่

นางวราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์กาแฟ ฉบับที่ 2 มีเป้าหมายต้องการให้ไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้านการผลิตและกาค้ากาแฟคุณภาพของภูมิภาคอาเซียน โดยต้องการผลักดันให้กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย จากปัจจุบันสร้างรายได้ปีละ 5,000 ล้านบาทต่อปี รวมถึงผู้ดำเนินธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมกาแฟไทยด้วย ซึ่งความต้องการบริโภคกาแฟในปีที่แล้วอยู่ที่ 90,000 ตัน และปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนตัน

ดังนั้นจึงเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กาแฟ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาการผลิตกาแฟในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างเป็นระบบ ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ คือ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพผลผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พัฒนาการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาด้านการตลาด พัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงพัฒนาด้านบริหารจัดการ ซึ่งได้เตรียมจัดการประชุมการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟในอาเซียนครั้งที่ 1 ในวันที่ 22-23 พ.ย.นี้ ณ จ.เชียงใหม่ เพื่อสร้างความร่วมมือและโรดแม็ปให้อาเซียนเป็นแหล่งผลิตกาแฟสำคัญของโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน