“อฑิตยา เพาะปลูก”

โคจรมาคู่กันให้แฟนๆ ฟินอีกครั้ง สำหรับพระนางคู่จิ้น “แบงค์” อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ กับ “มุก”มุกดา นรินทร์รักษ์ ในบท “พันธกานต์” หนุ่มเพลย์บอยสุดเกรียน กับ “พระพาย” สาวใสจอมโก๊ะ ในละคร “พันธกานต์รัก” ทางช่อง 7

งานนี้ข่าวสดบันเทิงไม่รอช้า คว้าทั้งคู่มาพูดคุยเพิ่มความฟิน

ละคร “พันธกานต์รัก” รับบทอะไรยังไงบ้าง?

แบงค์ – “ผมรับบท พันธกานต์ มีปมเรื่องพ่อนอกใจแม่ เลยเกลียดช่อม่วงเมียใหม่พ่อ อะไรที่เกี่ยวข้องกับช่อม่วงเขาจะเกลียด ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือตัวพระพาย พอรู้ว่าเป็นหลานยิ่งไม่ชอบ เลยหาทางกลั่นแกล้ง ซึ่งคาแร็กเตอร์จริงๆ เขามีเหตุผลของเขา แต่ไม่ว่าจะทำอะไรหลังจากร้ายเสร็จ เขาจะบอกเหตุผลและเสียใจในสิ่งที่ทำ ทำให้คนดูไม่เกลียดตัวละครนี้เกินไป”

มุก – “มุกรับบท พระพาย อยู่กับตาเทียนมาตั้งแต่เด็ก พอตาเทียนเสีย ต้องดูแลตัวเอง หาเงินเรียนเอง ปรากฏเงินไม่พอใช้ต้องไปกู้เงินเป็นหนี้ทับถมจนไม่มีทางแก้ ก็ได้อาช่อม่วงมาช่วย อาช่อม่วงเกลี้ยกล่อมให้เข้าไปอยู่ในบ้านพระเอก ซึ่งคาแร็กเตอร์พระพายเป็นผู้หญิงสดใส มองโลกแง่ดี ตลก โก๊ะ ขี้มโน มีเอ็นเนอร์จีสูง เป็นตัวสร้างเสียงหัวเราะ แต่จริงๆ ก็มีความดราม่าอยู่ข้างใน แต่ไม่แสดงออก เลือกทำให้ทุกคนยิ้ม”

เรื่องนี้จะฟินจะจิ้นกันขนาดไหน?

มุก : “จริงๆ ในเรื่องตีกันเยอะเสน่ห์ของมันอยู่ที่ฉากพระพายมโน เมื่อไหร่ที่มโนจะมีฉากจิ้นๆ พอตัดมาภาพจริงในชีวิตจะตีกัน ตัดไปภาพจินตนาการจะหวาน เห็นอารมณ์ฟินๆ ในภาพมโน”

เคยร่วมงานกันมาก่อนไหม?

มุก : “เคยเล่นคู่กันใน ขมิ้นกับปูน มาเจอกันเรื่องนี้ฟีลไม่ต่างเท่าไหร่ เรื่องแรกยากตรงที่เราเล่นเป็นผู้หญิงเรียบร้อยแบบละมุนละไม เวลายิ้ม เวลาพูด เวลาชายตามองผู้ชายจะมีจริต ซึ่งมันยากมาก เพราะมุกไม่ใช่คนละมุน เรื่องนี้จะแสดงออกง่ายกว่าเรื่องโน้น”

แบงค์ : “ผมชอบเขาแบบละมุน แบบ ปารมี ใน ขมิ้นกับปูน มากกว่า ได้มาร่วมงานกันอีกครั้งก็ดีใจ ตอนแรกนึกคาแร็กเตอร์พระพายของมุกดาไม่ออก ด้วยนิสัยเขากับตัวพระพายมันคนละขั้ว รู้สึกทึ่งกับการแสดงของน้อง ไม่คิดว่าจะบ้า ล้น ติงต๊อง ปัญญาอ่อน ได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวจริงมุกจะนิ่งๆ เงียบๆ มีโลกส่วนตัว แต่พอเขาเป็นตัวพระพายจะเป็นอีกคน”

มาเจอกัน ต้องปรับจูนอะไรกันอีก?

แบงค์ : “ไม่ต้องปรับหรอก ตีกันทั้งในจอและนอกจออยู่แล้ว (หัวเราะ) เขาชอบเงียบผมก็ชอบไปกวนประสาท เคยกวนจนเขาสติแตกก็มี”

มุก : “หนูชอบเงียบจริงๆ มันไม่รู้จะพูดอะไร เขาชอบเล่นๆๆ ตลอด”

เข้าฉากด้วยกันช่วยกันบ้างไหม?

มุก : “ช่วยกันเรื่องสมาธิค่ะ เป็นละครคอมเมดี้จะกังวล ด้วยนิสัยเป็นคนเงียบ ไม่เข้าใจมุข พอไม่เข้าใจก็จะยาก ก็ขอสมาธินิดนึงหรืออะไรก็ได้ที่ไม่มาก่อกวนเรา”

แบงค์ : “แล้วไอ้ตัวที่ก่อกวนคือผมนี่ไง บทบาทเราต้องมีสมาธิ ซึ่งผมสมาธิสั้น แต่พอเล่นจริงก็จะอินไปตามตัวละครเอง จริงๆ ผมชอบคาแร็กเตอร์พันธกานต์นะ กวนประสาทดี บางคำพูดที่แดกดันก็ใส่เข้าไปเอง (หัวเราะ) หรือเวลาแกล้งพระพายจะแกล้งเพิ่มไปอีกเบอร์”

มุกไม่ถนัดคอมเมดี้ พอได้เล่นเรื่องนี้ชอบขึ้นไหม?

มุก : “ก็ชอบค่ะ แต่จะมีความตื่นเต้นตลอดเวลา บางทีก็ลุ้นว่าที่เล่นออกไปคนดูเข้าใจมั้ย”

แบงค์ : “พันธกานต์คาแร็ก เตอร์นิ่งๆ จริงๆ ผมเล่นแบบมุกไม่ได้นะ คิดไม่ออกว่าจะเล่นยังไงผมเคยผ่านคอมเมดี้มา อย่าง คู่วุ่นลุ้นแผนรัก กับ คู่ซ่ารส แซ่บ แต่จริงๆ ชอบเล่นดราม่ามากกว่า”

จากตัวรอง วันนี้ได้เป็นพระเอกนางเอก รู้สึกยังไง?

แบงค์ : “ก็ดีใจ ทั้งอยากเป็นและไม่อยากเป็น เคยพูดกับช่องนะ พอมาเป็นพระเอกมันกดดันตัวเอง เพราะต้องแบกรับอะไรหลายๆ อย่าง ปกติจะเล่นเป็นคู่สองเป็นพระรอง เป็นตัวซัพพอร์ต มีพระเอกคอยอุ้มเรื่อง แล้วพอเป็นพระเอกเองเราจะสามารถอุ้มเรื่องได้มั้ย คนจะชอบหรือเปล่า โชคดีได้มุกดาเข้ามาช่วย น้องเล่นน่ารัก”

มุก : “มุกเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องที่สองแล้ว ก็ยังไม่ชินนะ พอเราเป็นตัวนำความกดดันมันเยอะ ด้วยบทจะเอาอยู่มั้ย ถ้าเล่นแล้วคนดูชอบมันคือผ่าน แต่ถ้าเล่นแล้วมีข้อผิดพลาดก็ต้องยอมรับและพร้อมจะแก้ไข ทุกครั้งที่ได้บทใหม่มาจะเครียดทุกครั้ง อยากทำให้ดี ไม่เคยคิดว่าเป็นนางเอกแล้วสบาย”

เรื่องนี้เป็นพระเอกนางเอก ถ้าเรื่องต่อไปจะกลับไปเป็นตัวรองอีก เราไม่ยึดติดใช่ไหม?

แบงค์: “ผมไม่เกี่ยง อยู่ที่บทสนุก มีความสุขกับคำว่าบทมากกว่าคำว่าพระเอก”

มุก : “มุกไม่ยึดติดว่าจะต้องเป็นแต่นางเอกเท่านั้น ได้รับอะไรมาจะทำให้เต็มที่ค่ะ (ยิ้ม)”

ฝีมือการแสดงเราพัฒนามากขึ้นไหม?

แบงค์ : “ก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ มีหลายอย่างที่ยังไม่เคยลอง จากเมื่อก่อนเล่นละครแย่ พอเริ่มเล่นดราม่าได้ จริงๆ ผมว่าดราม่าเล่นง่ายกว่าคอมเมดี้ รู้สึกเรื่องนี้เล่นยากกว่าเรื่องอื่น ด้วยการรับส่งอารมณ์ มันต้องไม่มากและน้อยไป”

มุก : “รู้สึกว่าได้ลองหลายคาแร็กเตอร์มากขึ้น หนูก็ยังไม่รู้ว่าแต่ละอันเราเล่นสุดหรือยัง แต่รู้สึกว่าได้ลองหลายคาแร็กเตอร์ ก็มีการพัฒนามากขึ้น แต่ยังไม่ถึงที่สุด คงต้องพัฒนาต่อไป”

จากกระแสคิดว่าเราเคมีเข้ากันเป็นคู่จิ้นกันได้ไหม?

มุก : “จากกระแสคนก็ชอบนะ เอาจริงๆ คนชอบพี่แบงค์กับหนูตั้งแต่ขมิ้นกับปูนแล้ว แฟนคลับกลุ่มนั้นยังตามเชียร์จนถึงตอนนี้ เขาก็ดีใจและรู้ว่าสองคนนี้เล่นด้วยกัน ต้องกัดกันแน่เลย พอดูละครเขาก็ยิ่งชอบ ในเรื่องเรากัดกันจริงๆ ด้วย ก็ฟินกันไป”

แบงค์ : “ผมก็ขำ มันมีหลายเหตุการณ์ เช่น เมื่อวานตื่นมาตอนเช้า แฟนคลับผมกับแฟนคลับมุกดานัดกันไปทำบุญ แท็กรูปเทียนมาให้มีชื่อแบงค์กับมุกดา แล้วเขียนว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเล่นด้วยกล (หัวเราะ)”


เราเป็นคู่จิ้นกันเนอะ ไม่ใช่คู่จริง?

มุก : “ไม่ค่ะ ตอบแบบไม่ต้องคิด”

แบงค์ : “กลัวสายตาดุมาก ไม่กล้ามองตาเลย”

มุก : “เหรอ ขนาดกลัวนะเนี่ย”

ถามเรื่องหัวใจบ้าง โสดหรือไม่โสด?

มุก : “โสด แต่ก็มีคนคุย ยังเป็นคนเดิมค่ะ”

แบงค์ : “โสดครับ ไม่มีคนคุย ไม่มีจริงๆ ตัวผมวันหยุดชอบอยู่บ้าน อยู่กับแมว ดูซีรีส์ เลยไม่ค่อยเจอใคร ถ้าอยู่กองถ่ายผมเหมือนคนอะเลิร์ตแต่อยู่บ้านจะเป็นอีกโหมด ก็แล้วแต่อารมณ์ ตัวผมเหมือนคนมีสองบุคลิก จริงๆ เหมือนจะเฮฮาแต่บางมุมถ้าเงียบก็เงียบไปเลย”

มุก : “ได้ข่าวว่าชอบขาว สูง ผอม ที่รู้สเป๊กเพราะหนูเห็นทุกคน”

แบงค์ : “ร้ายกาจ ไม่จริงๆ โสดครับ ไม่มีคนคุยเลย ผมเป็นคนถ้าเจอแล้วถูกใจก็จะชอบ พูดยาก ถ้าเจอสเป๊กที่ใช่ก็ใช่ (หัวเราะเขิน)”

มุมมองความรักของแต่ละคนเป็นอย่างไร?

แบงค์ : “มุมมองความรักถ้าเจอคนถูกใจผมจะเป็นอีกคนนึงเลย จะนิ่งๆ เขินๆ จะไม่เหมือนอยู่กับคนรอบข้าง จะเปลี่ยนไปอีกโหมด”

มุก : “มันใกล้เคียงกันนะ ระหว่างเจ้าชู้กับเฟรนด์ลี่ เวลาคุยโทรศัพท์เขาชอบใช้เสียงสอง”

แบงค์ : “มุกก็คุยโทรศัพท์เสียงสอง แถมยังเอาผ้าห่มปิดหัวอีก”

มุก : “วันนั้นยุงมันกัดจริงๆ สำหรับมุมมองความรักของมุกยังเหมือนเดิมค่ะ มุกเป็นคนที่ชอบคนที่โตกว่า”

แบงค์ : “สุขุม เรียบร้อย”

มุก : “ซึ่งตรงข้ามกับคนนี้ (มองไปที่แบงค์) มุกชอบคนที่โตกว่า และมองอนาคตค่อนข้างไกล ชอบคนขยันทำงานและคุยกันเข้าใจ”

แบงค์ : “ว่าผมไม่ได้นะ ผมก็มีมุมทำงาน มุกเป็นคนอ้อนคนมั้ย”

มุก : “ก็มีอ้อนบ้าง เรื่องคุยเสียงสอง เราไม่ได้เสียงสอง แต่เขาคุยดีกับเรา เราก็ควรคุยดีกับเขา ไม่ใช่ไปกระโชกโฮกฮาก เนี่ยพี่แบงค์ชอบแอบฟัง นิสัยแย่มาก (ต่อว่าหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ)”

แบงค์ : “ว่าแต่ผมจะอยากรู้ไปทำไมมมม(ลากเสียง)”

เราสองคนมีมุมมองต่อการทำงานในวงการนี้อย่างไร?

มุก : “รู้สึกว่าวงการนี้เป็นอะไรที่อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีโอกาสก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด ทุกอย่างต้องมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ วันนึงต้องมีเด็กใหม่เข้ามาทดแทน สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบัน คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อเราจะได้อยู่ต่อไปได้ค่ะ”

แบงค์ : “ผมไม่ได้หวังอะไรมาก หวังอย่างเดียวคนดูชอบสิ่งที่เราเล่น ดูละครเราแล้วมีความสุขก็พอ สำหรับผมอาชีพนี้อยู่ได้เรื่อยๆ นะ ถ้าเราสามารถทำให้คนดูชอบในตัวเราได้ ไม่ว่าเราจะแก่แล้วก็ตาม ผมมองว่ามันเป็นอีกอาชีพนึงที่มีเสน่ห์ ถ้าเขายังจ้างผมอยู่ก็คิดว่าจะทำควบคู่กับกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นของผมไปเรื่อยๆ ครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน