‘ลี’ตั้งเป้า–ทำพ่อแม่สุข ‘รักหมดใจ’สไตล์หนุ่มเซอร์
‘ลี’ตั้งเป้า-ทำพ่อแม่สุข – ไปไหนมาไหนตอนนี้มีแต่สาวๆ กรี๊ด สำหรับพระเอกหนุ่มเจ้าเสน่ห์วัย 26 ปี ‘ลี’ ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ กับบุคลิกติดดิน เซอร์ มีเอกลักษณ์ที่รอยยิ้มมัดใจ
ล่าสุดกำลังบริหารเสน่ห์กับผลงานการแสดงซีรีส์เรื่อง “รักหมดใจ Endless Love” ทางช่อง GMM25 กับบทบาท ‘เดย์’ คู่กับนักร้องสาว ‘วี’ วิโอเลต วอเทียร์ ที่รับบท ‘มิน’
วันนี้โอกาสดี ได้คุยกับหนุ่มหล่อโดนใจสาว อย่าง ‘ลี–ฐานัฐพ์’ ถึงบทบาทการแสดงที่ได้รับ รวมถึงชีวิตส่วนตัว
★ บทบาทที่ได้รับในซีรีส์ ‘รักหมดใจ Endless Love’ เป็นอย่างไร?
ลี – “ในเรื่องผมรับบทเป็น เดย์ คาแร็กเตอร์จะแบ่งเป็น 2 พาร์ต พาร์ตแรกจะเป็นคนจน ติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่าย ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อชีวิตตัวเองและครอบครัว ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อความรัก เป็นคนเก่งมีความสามารถในเรื่องการต่อสู้ พอพาร์ตหลังจะเป็นคนรวย มีการวางตัวเป็นผู้ใหญ่ มีความน่าเชื่อถือ มีความน่าเกรงขาม เรียกว่าเป็นนักธุรกิจไฟแรง จะเป็นอีกมู้ดเลย”
★ ประกบคู่กับ ‘วี–วิโอเลต’ ครั้งแรก เป็นยังไงบ้าง?
ลี – “ต้องยอมรับว่าผมเป็นแฟนเพลงเขา เวลาเขาร้องเพลงเขาดูมีเสน่ห์ มีออร่าอยู่บนเวทีมาก เรารู้สึกว่าเราจับต้องเขาไม่ถึง เขาคืออาร์ติสต์ พอได้มาร่วมงานกันครั้งแรกผมก็เกร็งๆ เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอาร์ติสต์อย่างที่ผมจับต้องไม่ถึงหรือเปล่า แต่สุดท้ายเขาคือเพื่อนที่ดีมากๆ คนหนึ่งในชีวิตที่ผมเคยเจอ เขาช่วยทั้งสอนทำให้งานออกมาดีทำให้งานสนุก แล้วเราเล่นด้วยความรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
★ ในเรื่องมีฉากเลิฟซีนด้วย ยากง่ายแค่ไหน?
ลี – “ผมเป็นคนมีปัญหากับฉากเลิฟซีนทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่คนที่เขาได้ดูเขาจะคิดว่าเราชิลมากกับเรื่องพวกนี้ อาจจะมองว่าเป็นนักแสดงที่จูบผู้หญิงทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะจูบได้หนึ่งครั้งเนี่ย มันเตรียมตัวเตรียมใจเยอะมาก ผมต้องขอโทษวี ถ้ามันไม่จำเป็นเราก็จะไม่ทำ ใช้มุมกล้องก็ได้ เราเกรงใจมาก รู้สึกผิดต่อตัวเรา ผิดกับการกระทำทุกอย่างที่เราต้องทำ ทุกเรื่องเลย ผมเป็นแบบนี้ตลอด จนเรื่องนี้วีก็บ่นประมาณว่าเหมือนผมรังเกียจ แต่จริงๆ ผมไม่ได้รังเกียจ มันเป็นความเกรงใจ เราเหมือนเอาเพื่อนกันมาจูบ ก็จะรู้สึกว่าขอโทษนะ”
★ มีวิธีการควบคุมอารมณ์อย่างไร กับบทที่ทั้งรักทั้งมีปมในใจ?
ลี – “เรื่องนี้มีความเป็นไบโพลาร์ของบุคคลแต่ละคนสูงมาก มันไม่ใช่แค่ตัวผมตัววี หรือใครที่สามารถคุมอารมณ์แบ่งได้ว่าอันนี้คือดราม่า ต่อไปแฮปปี้ คือตอนเราสลับไปๆ มาๆ เราก็มึนเหมือนกัน รู้สึกว่ากูเป็นไบโพลาร์หรือเปล่านะ (หัวเราะ) อารมณ์มันสะวิงไปสะวิงมา ไม่ใช่แค่ตัวนักแสดงตัว ผู้กำกับฯ เองก็ร้องไห้ด้วย คือทำงานมันจะดราม่ามาก เวลาซ้อมผมก็จะซ้อมกับวีเลย เพราะจะได้รู้ว่าเราจะเล่นกันจังหวะไหน เข้าใจกันแล้วก็จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องพูดแทรกกัน ซึ่งทำให้อารมณ์ของตัวละครหลุดได้”
★ กับภาพจำ ลีขี่มอเตอร์ไซค์ใส่หมวกกันน็อก เห็นหลายเรื่องมาก ตัวตนจริงๆ เป็นคนชอบมอเตอร์ไซค์ด้วยหรือเปล่า?
ลี – “ผมว่ามันเป็นในเรื่องความสามารถส่วนตัวที่เราทำได้ ผมสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ได้ ขับรถยนต์ได้ เวลาถ่ายทำอะไรต่างๆ ถ้าเห็นเราขี่อะไรบน ท้องถนน มันจะดูจริง แล้วลุกส์ผมอาจจะเหมาะกับความเป็นหนุ่มเซอร์ หนุ่มลุยๆ หน่อย ที่มักจะได้อยู่กับมอเตอร์ไซค์แล้วก็หมวกกันน็อก ไม่ใช่บทที่ผูกขาด ต้องบอกว่าบทส่วนใหญ่ที่ผมได้รับก็ประมาณนี้ แต่ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเล่นเป็นคนรวยเลย รวยแบบรวยมากๆ แบบลูก คูณหนู ในเรื่อง U-Prince Series แต่สำหรับตัวผม ผมชอบเล่นฐานะที่ค่อนข้างจน เพราะมันไม่ได้ไกลกับตัวเองถึงขั้นที่ว่าต้องไปดูคนอื่นว่าเขาทำยังไง”
★ ช่วงนี้งานที่มีเป็นละครเสียส่วนใหญ่?
ลี – “ช่วงนี้งานยังมีมาเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งปิดกล้องซีรีส์ไปด้วย ก็เลยทิ้งห่างนิดนึง แล้วก็เป็นช่วงที่ผมขอเวลาในการเคลียร์วิทยานิพนธ์ของปริญญาโทให้เสร็จครับ”
★ มีการจัดเวลายังไง สำหรับการเรียนและการทำงาน?
ลี – “ต้องบอกว่าจัดไม่ได้ดีกว่าครับ เพราะงานเราทำทั้งวัน แต่เรื่องเรียนมันมาทุกเวลา บางทีเราทำงานอยู่ปุ๊บ ก็มีเรื่องเรียนมาให้เคลียร์ เรากำลังจะนอนปุ๊บเรื่องนี้เราต้องเคลียร์อีกแล้ว มันจะมาทุกเวลา หลักๆ ผมจะเรียงลำดับความสำคัญ ตอนนี้ทำงานอยู่ ก็จะเอาเรื่องงานก่อน ถ้าเกิดมีช่วงว่างนิดนึงผมก็จะกลับไปเคลียร์เรื่องวิจัยเรื่องธีสิส ตอนนี้ทำวิจัยทำทั้งวันเลยถ้าว่างก็ทำทั้งวัน ผมเครียดทุกวัน เครียดหนักมาก”
★ แล้วจะทำอะไรเพื่อคลายเครียด?
ลี – “ผมจะดูซีรีส์บ้าง ฟังเพลง เล่นกีตาร์บ้าง แต่สมมติถ้าดูซีรีส์อยู่ อีกมือหนึ่งก็อาจจะอยู่กับคอมพิวเตอร์เพื่อกดวิจัย คิดวิจัย ผมจะชอบดูหนังทางฝั่งตะวันตก แล้วก็ทำงานไปด้วย”
★ เราเป็นคนมีดนตรีในหัวใจตั้งแต่เด็กๆ เลย?
ลี – “ครับ ตอนนี้ยังเล่นกีตาร์ เล่นเบส เล่นคีย์บอร์ดบ้าง เมื่อก่อนผมคิดว่าผมอยากเป็นนักดนตรี แต่พอได้เข้ามาในวงการเป็นนักแสดง เรารู้สึกว่าเราชอบในงานนี้ เรียกว่ารักงานแสดงเลยล่ะตอนนี้ แล้วผมคิดว่านักดนตรีเป็นงานอดิเรกเป็นงานเสริมของผมก็ได้ ซึ่งผมไม่ได้ติดขัดอะไรที่ผมจะมีเพลงออกมา หรือได้แสดงความสามารถทางดนตรีบ้าง ก็อยากทำทั้งคู่นะครับ”
★ มีนักร้องในดวงใจไหม?
ลี – “ไม่มีครับ ผมชอบฟังเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง เป็นดนตรีเปล่าๆ เพราะในดนตรีหนึ่งดนตรีที่ฟัง ถ้ามันมีเนื้อร้องว่าฉันรักเธอ หรือเธอรักฉันอะไรก็แล้วแต่ มันนำความคิดของเราไปในทิศทางเดียวที่นักร้องเขาชี้ให้เราไป แต่ถ้าเป็นดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้อง เราจินตนาการกับมันไปได้เยอะ อย่างเช่นดนตรีอันนี้มาปุ๊บ บางคนจินตนาการเป็นความเศร้า บางคนคิดว่าเป็นความสุข เป็นอะไรได้หลายอย่าง ผมว่าดนตรีแบบนี้ทำให้ผมสามารถฟังเพลงเดียวโดยผมรู้สึกได้หลายอารมณ์มากกว่าการมานั่งไล่ฟังเพลงว่าเพลงนั้นเพราะ เพลงนี้เพราะ ต้องเรียกว่าเป็นดนตรีสไตล์แอมเบียนต์ที่ผมชอบ หรือเป็นดนตรีบรรเลงเรื่อยๆ ก็ได้ครับ แต่ที่ผมชอบมากๆ เลยเป็นการบรรเลงเปียโนของต่างชาติ”
★ แล้วนักแสดงในดวงใจล่ะ มีหรือเปล่า?
ลี – “เมื่อก่อนผมชื่นชอบเฉินหลงมาก เพราะดูเขาตั้งแต่ผมเกิด ติดตามเขามาตลอด ผมมีความรู้สึกลึกๆ ว่าพ่อผมหน้าเหมือนเฉินหลง แค่นั้นนะ แต่หลังจากที่ผมได้ร่วมงานกับพี่หนุ่ม–สันติสุข ผมรู้สึกว่าผมได้รู้จักเขาในมุมมองของงาน มุมมองของครอบครัว เขามีครอบครัวที่อบอุ่น แล้วเขาก็รักลูกเขามาก ผมว่าเขาคือไอดอลผมเลย แล้วเขาเก่งด้วย เขาสอนผมโดยที่ไม่หวงอะไรเลย”
★ หลังเรียนจบโท วางแผนชีวิตงานในวงการอย่างไร?
ลี – “ก็ยังอยากทำงานเป็นนักแสดงอยู่ครับ การแสดงผมรัก ผมอยากอยู่กับมันไปเรื่อยๆ เป็นนักแสดงที่ทำงานได้ดีโดยไม่มีใครมาต่อว่าเราได้ ผมชอบอ่านฟีดแบ็กด้านลบมาก เพราะพวกนั้นเป็นแรงผลักดันให้ผมรู้สึกว่า ผมยังดีไม่พอ ผมต้องดีกว่านี้อีกนิดนึง ซึ่งผมรู้ว่าจุดดีของผมคือผมเป็นคนทำอะไรทำจริงจัง มันไม่ใช่ว่ามากแล้วครั้งต่อไปจะน้อยลง แต่กลายเป็นว่ามากขึ้นเรื่อยๆ ต้องบอกว่ายิ่งโตในงานวงการนี้ผมยิ่งกดดันตัวเองขึ้น เพื่อให้มันดีขึ้น มันอาจจะเป็นข้อดีบนข้อเสีย อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพจิต เหมือนเราเครียดขึ้น แต่กับหน้าที่การงานเราตั้งใจมากขึ้น ข้อเสียก็คือเราเครียดกับการทำงานครับ”
★ นิยามคำว่า ‘รักหมดใจ’ ของเราเป็นอย่างไร?
ลี – “รักหมดใจของผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นความรักที่เป็นการให้โดยไม่หวังอะไร ให้ไปหมดทุกอย่างแล้วเราก็รักอย่างหมดหัวใจ ไม่ได้หมายความว่าเราจะรักแค่คนรัก แต่อาจจะหมายถึงสิ่งของ สัตว์เลี้ยงก็ได้ แต่สำหรับรักในละคร คือโคตรรักเลย (ยิ้ม) คือรักจริงๆ เลย ทั้งหัวใจทั้งชีวิตให้เขาได้คนเดียว”
★ แล้วตอนนี้ความรักนอกละครล่ะ?
ลี – “มันก็มี มีคุยเรื่อยๆ ครับ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้ ก็มีคุยครับ”
★ สเป๊กสาวของ ‘ลี–ฐานัฐพ์’ เป็นแบบไหน?
ลี – “สเป๊กของผม ผมเป็นคนชอบคนที่ค่อนข้างโตในเรื่องความคิด การวางตัว ในเรื่องของอะไรทุกอย่าง บางทีเรามีความรัก เราอยากจะให้ความรักเป็นเหมือนมือ เหมือนเท้า เหมือนสมองให้เรา ช่วยเราในเวลาที่เราหกล้ม หรือบางทีที่เราเครียด เราท้อใจ ผมไม่ได้ชอบคนที่โยนปัญหามาใส่เราตลอดเวลา เพราะผมไม่ใช่คนที่จะเอาปัญหาของตัวเองไปโยนใส่คนอื่น เวลามีปัญหาผมจะเงียบ หรือแค่ระบายเฉยๆ สำหรับภาพลักษณ์ภายนอกผมไม่ติด โอเคแว้บแรกเราอาจจะเห็นเขาจากภายนอกก่อน แล้วเราค่อยเห็นข้างใน แต่ภายนอกผมว่ามันเป็นสิ่งที่วันหนึ่งมันต้องแก่ (หัวเราะ) ผมชอบคนยิ้มหวานครับ ยิ้มแล้วทำให้โลกเบิกบาน”
★ เป้าหมายในชีวิตของตัวเองในตอนนี้?
ลี – “มันเป็นเป้าหมายเดิมตั้งแต่เด็ก คือทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ทำให้พ่อแม่มีความสุข แต่สิ่งที่เราโตขึ้น เราคิดมากกว่าเดิม คือเราอยากทำอะไรที่มีความมั่นคงเพื่อให้พ่อแม่มีความสุขขึ้น มีบ้านที่อบอุ่น แล้วก็มีอนาคตที่ดีครับ”
โดย สุชาวดี อภิสัมภินวงค์